จดรายจ่ายด้วยตัวเอง Step-by-Step

จดรายจ่ายด้วยตัวเอง Step-by-Step

ทำธุรกิจแต่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีกำไรเท่าไร รายจ่ายเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยจดบันทึกบัญชีรายจ่ายเลย ถ้าใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่ ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะว่าวันนี้ Zero to Profit จะชวนทุกคนมาหัดจดรายจ่ายด้วยตัวเองไปทีละขั้นตอน เพื่อที่จะได้รู้กับเค้าสักทีว่าเดือนนี้มีกำไรจากธุรกิจเท่าไรกันแน่

รายจ่าย คืออะไร?

รายจ่าย คือ ค่าใช้จ่ายที่จ่ายออกไปสำหรับการทำธุรกิจ ซึ่งปกติแล้วแต่ละธุรกิจก็จะมีค่าใช้จ่ายหลากหลายประเภท เช่น ค่าต้นทุนสินค้า ค่าโปรโมทสินค้า ค่าทำโฆษณา ค่าใช้จ่ายเดินทาง ค่าจ้างทำบัญชี เป็นต้น

วิธีจดรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพทำยังไงบ้าง?

1. แบ่งบัญชีสำหรับค่าใช้จ่าย

เริ่มต้นจากการแบ่งบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายธุรกิจค่ะ หรือว่าแยกกระเป๋าส่วนตัวออกจากธุรกิจ เพื่อให้เช็กค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น

  • กรณีที่จดทะเบียนเป็นบริษัท แนะนำว่าให้เปิดบัญชีบริษัทไว้ แล้วใช้จ่ายออกจากบัญชีบริษัท
  • กรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา ร้านค้าเล็กๆ ไม่ได้จดบริษัท ก็ควรแยกบัญชีธนาคารสำหรับจ่ายเงินในธุรกิจออกไปไว้อีกบัญชีนึงเช่นเดียวกัน

2. แบ่งหมวดค่าใช้จ่าย

ถ้าอยากจดรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ เราควรสำรวจให้ดีว่าธุรกิจของเรามีประเภทค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เราอาจจะแบ่งหมวดหลักออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

แล้วก็มีหมวดย่อยๆ แตกรายละเอียดออกไปแบบนี้

ประเภทค่าใช้จ่ายตัวอย่างค่าใช้จ่าย
ต้นทุนขายต้นทุนซื้อสินค้า
ต้นทุนนำเข้าสินค้า
ค่าขนส่งสินค้าเข้า
ค่าแรงคนงานผลิตสินค้า
ค่าใช้จ่ายในการขายค่าทำโปรโมชั่น
ค่าถ่ายรูปสินค้า
ค่าทำป้ายหน้าร้าน
ค่าคอมมิชชั่น
ค่าขนส่งสินค้าออก
ค่าใช้จ่ายในการบริหารค่าโปรแกรมบัญชี
ค่าเช่าสำนักงาน
ค่าน้ำ
ค่าไฟ
ค่าอินเตอร์เน็ต
ค่าใช้จ่ายอื่นๆค่าภาษี
ค่าดอกเบี้ย/ธรรมเนียมธนาคาร

ถ้าเราเป็นธุรกิจเฉพาะที่ไม่ใช่แค่ซื้อมาขายไป อาจจะมีค่าใช้จ่ายเฉพาะที่มักจ่ายเป็นประจำ ก็ควรลิสประเภทย่อยๆ ของค่าใช้จ่ายออกมาไว้ เพราะตอนจดบันทึกค่าใช้จ่าย เราจะได้เลือกหมวดค่าใช้จ่ายได้ถูกต้อง จากนั้นเวลาเช็กรายงานค่าใช้จ่ายก็จะทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ

แบ่งหมวดค่าใช้จ่าย
แบ่งหมวดค่าใช้จ่าย

3. เก็บใบเสร็จรับเงินไว้ให้เรียบร้อย

นอกจากการจดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันแบ่งตามประเภทไว้แล้ว สิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดของพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ก็คือ การเก็บเอกสารที่เรียกว่า “ใบเสร็จรับเงิน” ไว้ด้วยนะคะ

ใบเสร็จรับเงิน คือ ใบที่ยืนยันว่าซัพพลายเออร์ได้รับเงินค่าสินค้าหรือบริการจากเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าใบเสร็จรับเงินนี้เป็นหลักฐานรายจ่ายชั้นดี ในกรณีที่สรรพากรเรียกตรวจสอบค่ะ

เก็บใบเสร็จรับเงิน
เก็บใบเสร็จรับเงิน

4. ถ้าจด VAT เก็บใบกำกับภาษีตัวจริงไว้ด้วย

เพิ่มเติมสำหรับเจ้าของธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพราะว่าเราต้องเก็บเอกสารรายจ่ายเข้มงวดอีก 1 Step ซึ่งก็คือ ใบกำกับภาษี

กรณีซื้อสินค้าหรือบริการจากซัพพลายเออร์มาแล้วอยากนำภาษีซื้อ ไปเครดิตออกจากภาษีขาย อย่าลืมเก็บใบกำกับภาษีตัวจริงไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานตามกฎหมายค่ะ

5. มีเช็กลิสเพื่อติดตามเอกสารจากซัพพลายเออร์

บางทีซัพพลายเออร์รับเงินไปแล้ว แต่ว่าส่งเอกสารให้เราล่าช้า สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรมีเพิ่มเติมจากการจดค่าใช้จ่ายก็คือ การทำเช็กลิส เพื่อติดตามเอกสารที่ล่าช้าจากซัพพลายเออร์ เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าเรายื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล (บริษัท) หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลือกวิธีค่าใช้จ่ายตามจริง ก็จะต้องมีเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมตอนปลายปีอยู่ดีจ้า

6. เก็บเข้าแฟ้มให้เรียบร้อย

จดค่าใช้จ่ายแล้ว มีเอกสารแล้ว แต่ว่าไม่เคยเก็บเข้าแฟ้มไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แบบนี้มีโอกาสสูญหายได้ แล้วถ้าสมมติว่าปีนี้อยากจะขอคืนภาษี หรืออีก 2 ปีข้างหน้าสรรพากรมาเยี่ยมเยียน เอกสารหายไปแบบนี้งานเข้าแน่นอนค่ะ

สำหรับแฟ้มเอกสาร เบื้องต้นแนะนำให้มี 2 แฟ้มแบบนี้ค่ะ

  • แฟ้มค่าใช้จ่าย
  • แฟ้มใบกำกับภาษีซื้อ กรณีที่จดทะเบียน VAT ค่ะ

ถ้าทำตามขั้นตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาลองมาจดค่าใช้จ่ายลงตารางเป็นรายวันแบบตามตัวอย่างตารางนี้ รับรองว่า สิ้นเดือนสรุปรายจ่ายได้ง่ายไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไปค่ะ

วันที่รายละเอียดซัพพลายเออร์ประเภทค่าใช้จ่ายจำนวนเงินได้รับเอกสารหรือยัง
1 มค. 66ค่าซื้อของพรีเมี่ยมจัดโปรโมชั่นบริษัท ก.ค่าใช้จ่ายในการขาย3,000/
รวม3,000
จดรายจ่าย
จดรายจ่าย

ประโยชน์ของการจดค่าใช้จ่ายคืออะไร?

1.รู้สถานะการเงินของตัวเอง

เงินสดหมุนเวียนเป็นหัวใจหลักของกิจการ การจดบันทึกรายจ่ายแบบวันต่อวัน จึงเป็นทางที่ดีที่สุดในการติดตามสถานะการเงินของตัวเองว่า เราใช้จ่ายอะไรบ้าง และสุดท้ายจะมีเงินเพียงพอใช้จ่ายในเดือนนั้นๆ ไหม

ยิ่งจดรายจ่ายบ่อยเท่าไร เราก็จะรู้สถานะการเงินเร็วขึ้น ถ้าช่วงไหนจะช็อต ก็สามารถไปแก้ไข ปรับปรุงได้ทันเวลาค่ะ

2.ไม่เสียเวลาเตรียมเอกสารเพื่อยื่นภาษี

ทุกคนคงเคยเจอปัญหาตอนปลายปีว่า ทำยังไงก็ปิดงบไม่ทันสักที เพราะบัญชีบอกว่าเอกสารไม่ครบบ้างแหละ เอกสารหายบ้างแหละ เบิกค่าใช้จ่ายไม่ได้บ้างแหละ

แทนที่จะมากระหืดกระหอบหาเอกสารให้บัญชีตอนปลายปี การจดบันทึกค่าใช้จ่ายและเก็บเอกสารใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีมาให้ครบถ้วน ตอนปลายปีชีวิตเราอาจจะดีขึ้น ที่สำคัญในระหว่างปีเราก็สามารถประมาณการภาษีได้แม่นยำขึ้น และยื่นภาษีได้ทันเวลา ไม่ต้องมามัวหาเอกสารอีกด้วย

3.คำนวณกำไรคร่าวๆได้เร็วขึ้น

การจดบัญชีค่าใช้จ่ายไว้ทุกวัน ทำให้เราสามารถคำนวณกำไรได้เร็วขึ้น

ถ้าสมมติว่าเราจดค่าใช้จ่าย และรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้เป็นจำนวนเท่าไรแล้ว เอามาหักกลบกับรายได้ ก็พอจะคำนวณกำไรที่มีได้ทันที ไม่ต้องรอสิ้นเดือนหรือสิ้นปี กว่านักบัญชีจะสรุปข้อมูลให้ แม้ว่ากำไรที่เราคำนวณได้อาจจะไม่เป๊ะๆ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าการต้องมานั่งเดาว่าตอนนี้เรากำไรหรือขาดทุน เพราะไม่มีข้อมูล

หาโปรแกรมบัญชีช่วยจดบันทึกรายจ่ายส่วนตัวหรือธุรกิจในแบบที่เหมาะสมกับเรา ติดต่อ

Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y

ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่

Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/

Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit

ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บบล็อก Zero to Profit ที่อยากให้เรื่องบัญชีเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวสำหรับเจ้าของธุรกิจ