ว่ากันว่า ทำธุรกิจเก่งต้องบริหารเงินสดให้ดี แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า เงินสดคืออะไร มันประกอบด้วยอะไรบ้าง แล้วทำอย่างไรเราจึงจะมีเงินเข้ามาไม่ขาดมือ วันนี้ Zero to Profit จะชวนเจ้าของธุรกิจมือใหม่ มาทำความเข้าใจเรื่องเงินสดกันค่ะ
เงินสดคืออะไรในทางบัญชี
คำว่า “เงินสด” เป็นคำที่เหมือนจะเข้าใจง่าย แต่ในความหมายจริงๆ แล้วอาจจะมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่ทุกคนคิด
เงินสดในความหมายของบัญชี เราเรียกกันแบบเต็มยศว่า “เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด” ซึ่งก็คือ สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในธุรกิจ ความเสี่ยงต่ำสุด และใช้สำหรับจ่ายหนี้ได้ทันที (แบบไม่มีอะไรมากั้น)
ถ้าจะอธิบายง่ายๆ เราของแบ่งคำนี้ออกมาเป็น 2 เรื่องย่อย
1.เงินสด
เงินสดคือ เงินสดในมือ (หรือในเก๊ะ) และเงินฝากธนาคารไม่ว่าจะเป็นเงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากกระแสรายวัน
เงื่อนไขของเงินสด
คือ จะต้องถอนมาใช้ได้ง่าย ทันใจ ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในการถอน
ลองมาดูตัวอย่างกัน
- เงินฝากกระแสรายวัน = ถือเป็นเงินสด
- เงินฝากออมทรัพย์ สกุลเงิน USD = ถือเป็นเงินสด
- เงินฝากประจำ 2 ปี = ไม่ใช่เงินสด เพราะมีเงื่อนไข ถ้าถอนไปแล้วก่อนถึงเวลา 2 ปี จะอดได้ดอกเบี้ย
- เงินฝากติดภาระค้ำประกัน = ไม่ใช่เงินสด เพราะเงินนี้ติดสัญญาค้ำประกันการกู้ยืมบางอย่างอยู่ ถ้าถอนปุ๊บ ก็ผิดเงื่อนไขสัญญาปั๊บ
ฉะนั้น เงินสดในธนาคารทั้งหลาย ต้องดูให้ดีว่ามีเงื่อนไขการถอนมั้ย เพราะถ้ามีแล้ว มันอาจจะไม่ใช่เงินสดที่ใช้ได้ในการจ่ายชำระหนี้ในธุรกิจตามนิยามแล้วล่ะ
2.รายการเทียบเท่าเงินสด
รายการเทียบเท่าเงินสด หมายถึง เงินลงทุนที่ถือแบบสั้นๆ ไม่ถึง 3 เดือนและวัตถุประสงค์ในการถือเพื่อรอชำระหนี้ เหมือนเป็นที่พักเงิน (ไม่ใช่เพื่อลงทุนหากำไร) รายการเทียบเท่าเงินสดนี้ในตามทฤษฎีแล้วมันก็คือเงินสดดีๆ นั่นแหละ แค่อยู่ในรูปแบบอื่นเท่านั้นเอง
เงื่อนไขของรายการเทียบเท่าเงินสด
คือ ต้องรู้จำนวนเงินที่แน่นอน และความเสี่ยงต่ำมากที่จะเปลี่ยนแปลงมูลค่า
ถ้ายังไม่เข้าใจ ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ กัน
- ตราสารหนี้เสี่ยงต่ำ ระยะเวลาน้อยกว่า 3 เดือน = ถือเป็นรายการเทียบเท่าเงินสด
- ตั๋วใช้เงินอายุ 1 เดือน = ถือเป็นรายการเทียบเท่าเงินสด
- บิทคอยน์ = ถึงแม้จะถอนเงินออกมาเมื่อไรก็ได้ แต่บิทคอยน์ไม่ใช่รายการเทียบเท่าเงินสด เพราะเสี่ยงสูง วันนี้มีมูลค่า 100 ถอนออกมาอาจได้เงินจริงแค่ 10 บาท
- ลงทุนในตลาดหุ้น = สภาพคล่องสูงก็จริง แต่การลงทุนในตลาดหุ้นความเสี่ยงสูง เงินที่ถอนมาจากการลงหุ้น PTT อาจจะไม่เท่ากับเงินที่ลงทุนไว้ในตอนแรกก็ได้
สรุปง่ายๆ
เงินสดที่แท้จริงในธุรกิจ คือ เงินที่มีในมือหรือในธนาคาร ที่ถอนมาใช้ง่ายๆ ไม่มีเงื่อนไข และไม่มีความเสี่ยงที่มูลค่าจะเพิ่มหรือลด ฉะนั้น ก่อนจะฟันธงว่าอะไรเป็นเงินสดของธุรกิจบ้าง อย่าลืมเช็คความเข้าใจตรงนี้ให้ชัดก่อนนะคะ
3 เทคนิคบริหารเงินให้เข้ามาเร็วขึ้น
1.วางแผนการเก็บเงิน
เริ่มต้นจากเรื่องแรก การวางแผนการเก็บเงิน เรื่องนี้เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เจ้าของธุรกิจมือใหม่หลายคนตกม้าตาย เพราะว่า ไม่รู้จักการวางบิล การออกใบแจ้งหนี้ วิธีการเรียกเก็บเงินลูกค้าในแบบที่ธุรกิจใหญ่ๆ เค้าทำกัน เลยทำให้เก็บเงินได้ช้ากว่าเพื่อน และสุดท้ายทำงานแทบตาย แต่ไม่ได้เงินเข้ามาสักที
เอาล่ะ แล้วถ้าอยากวางแผนการเก็บเงินจากลูกค้าให้ดี มีอะไรต้องรู้บ้าง
- วางนโยบายการให้เครดิต การให้เครดิตกับลูกค้า คือ การตัดสินใจว่าเรายอมให้ลูกค้าชำระเงินได้ช้ากี่วัน และกำหนดวงเงินสูงสุดไว้เท่าใด ดังนั้น การกำหนดนโยบายการให้เครดิตนี้จึงไม่สามารถลอกเลียนธุรกิจอื่นได้ เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องคิดเอง กำหนดเอง ตกลงกับลูกค้าเองไว้ตั้งแต่เริ่มค่ะ
- ออกใบแจ้งหนี้ให้เป็นระบบ ลูกค้าหลายราย ไม่ยอมจ่ายเงินเพียงเพราะไม่มีเอกสารแจ้งหนี้ที่เป็นทางการ เอกสารใบแจ้งหนี้ที่รายละเอียดรัดกุม ถูกต้อง ครบถ้วนนั้น ช่วยบังคับให้ลูกค้าชำระเงินมาตามเวลาได้ไม่ยากเลย แต่ถ้าทำงานไปแล้ว ส่งของไปแล้ว กว่าจะออกใบแจ้งหนี้ได้ ใช้เวลานาน กระบวนการล่าช้า นั่นหมายถึง เงินก็จะเข้ามาช้าด้วยเช่นกันนะ
- ติดตามหนี้สม่ำเสมอ ขั้นตอนนี้มีหลายคนที่ไม่ใส่ใจ กลายเป็นว่าทำงานแล้ว แจ้งหนี้แล้ว พอลูกหนี้ไม่จ่ายนานๆ ก็ลืมไปเลยค่ะ ว่าต้องติดตามทวงถาม เพราะฉะนั้น การติดตามทวงถาม Keep Connection กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ลูกค้าเกรงใจ และไม่กล้าเบี้ยวหนี้ง่ายๆ ด้วยนะ
2.กระจายแหล่งรายได้
เคยได้ยินมั้ยคะว่า การลงทุนต้องกระจายความเสี่ยง อย่าเอาเงินลงทุนไปไว้ในแหล่งเดียว เพราะถ้าเจ๊งขึ้นมา งานงอก เงินหายไปทั้ง 100% เลย
รายได้ของธุรกิจก็เช่นกัน ถ้าเรามีรายได้จากแหล่งเดียว ลูกค้ารายใหญ่เจ้าเดียว มีโอกาสเสี่ยงสูงมาก ถ้าลูกค้ารายนั้นเบี้ยวหนี้ แปลว่า กระแสเงินสดเข้าของธุรกิจก็จะหายวับไปกับตาด้วยเช่นกัน
การกระจายแหล่งรายได้ ช่วยลดความเสี่ยงพึ่งพาเงินจากแหล่งเดียวได้ เช่น
- กระจายช่องทางการขาย จากเดิมขายหน้าร้าน อาจต้องเริ่มขายออนไลน์บ้าง หรือส่งออกไปต่างประเทศ
- เพิ่มชนิดสินค้า เช่น จากเดิมมีสินค้าอยู่ชนิดเดียวอาจจะได้รายได้ประมาณนึง แต่ถ้าเพิ่มสินค้าหลายๆ ชนิดก็อาจจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาได้ จากลูกค้าเดิมที่สนใจสินค้าอยู่แล้ว หรือจากลูกค้าใหม่ที่อยากทดลองใช้สินค้าใหม่ๆ
- เพิ่มกลุ่มลูกค้า เดิมทีการทำสินค้าขึ้นมาสักชิ้น เราน่าจะมีกลุ่มลูกค้าในใจอยู่แล้วว่าเป็นใคร อยู่ในตลาดแบบไหน การเพิ่มกลุ่มลูกค้าในตลาดอื่นๆ ที่เรายังไม่เคยเข้าไปขาย ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้ธุรกิจมีเงินสดเข้ามาค่ะ เช่น เดิมขายนมจับกลุ่มลูกค้าโรงเรียน แต่อยากเพิ่มรายได้อีกช่องทาง อาจจะปรับแบรนด์แล้ว นำเสนอให้ลูกค้ากลุ่มคนทำงานได้เช่นกัน
3.รักษาลูกค้าเก่า
การทำธุรกิจกับลูกค้าเดิม ทำง่ายกว่าไปหาลูกค้าใหม่หลายเท่า ถ้าเรารักษาลูกค้าเดิมได้ มีต้นทุนน้อยกว่า แล้วก็สร้างกระแสเงินสดกลับมาแบบต่อเนื่องให้กับธุรกิจได้เลยนะ
การรักษาลูกค้าเก่าให้อยู่กับเราไปนานๆ มีด้วยกันหลากหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น
- รักษาความสัมพันธ์ที่ดี เช่น มีของขวัญปีใหม่ ให้บริการอย่างจริงใจ
- ส่งมอบบริการที่ประทับใจ เช่น มีบริการหลังการขาย ส่งมอบงานเกินความคาดหมาย
- ทำ Loyalty Program เช่น ลูกค้าแอดไลน์เป็นสมาชิก สะสมแต้ม ได้รับส่วนลดหรือของรางวัล
ทั้ง 3 เรื่องนี้ อาจจะไม่เกี่ยวกับบัญชี 100% แต่เป็นเรื่องที่ช่วยให้เราได้รับเงินสดกลับเข้ามาในธุรกิจได้เร็วขึ้น มีระบบขึ้น และต่อเนื่องขึ้น เมื่อบริหารเงินสดเข้าได้ดีแล้ว ธุรกิจก็มีลมหายใจต่อไปได้อีกยาวๆ เลยค่ะ
และสำหรับใครที่อยากเก่งไปอีกขั้น ลองมาวิเคราะห์เงินเข้า เงินออกของธุรกิจต่อ และศึกษาวิธีแบ่งกระเป๋าเงินธุรกิจที่นี่เลย
อยากบริหารเงินสดธุรกิจ ด้วยข้อมูลบัญชีที่ดี ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit