ในการทำธุรกิจหนึ่งให้ราบรื่น เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง ถ้าอยากจัดการบัญชีเงินเข้าเงินออกง่ายๆ เราควรจะเปิดบัญชีธนาคารกี่บัญชีดี มีแค่บัญชีเดียวก็พอ หรือว่าเปิดหลายๆ บัญชีจะดีกว่า นี่น่าจะเป็นปัญหาของคนที่เริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเองค่ะ
เปิดบัญชีธนาคาร ตัดสินใจเปิดกี่บัญชีดี วันนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากเจ้าของธุรกิจกันค่ะ
ทำธุรกิจ ควรเปิดบัญชีธนาคารกี่บัญชีดี
ก่อนตัดสินใจว่าจะเปิดบัญชีธนาคารกี่บัญชีดีนั้น ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นธุรกิจเล็ก ๆ มีคนดูแลการเงินคนเดียว หรือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องมีคนดูแลหลาย ๆ คน โดยมีแนวทางในการเปิดบัญชี 2 วิธีค่ะ
1. เปิดบัญชีเดียว
การเปิดบัญชีเดียว คือบัญชีธนาคารของธุรกิจ (แยกกับส่วนตัว) เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก และเจ้าของธุรกิจมีอำนาจในการบริหารจัดการการเงินเพียงคนเดียวค่ะ
ข้อดี ของการเปิดบัญชีคนเดียว
สามารถตัดสินใจได้ทันที ไม่ต้องรออนุมัติจากใครก่อน ทำให้สามารถทำธุรกรรมเพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาธุรกิจต่อไปได้รวดเร็วขึ้นค่ะ
แต่ข้อควรระวังก็คือ อย่าเอาเงินส่วนตัว ไปปนในบัญชีนี้เด็ดขาด เพราะแม้มีบัญชีเดียว ก็เสียวว่าจะมั่วได้เหมือนกันนะ ฮ่าๆ
2. เปิด 2 บัญชี
การเปิดบัญชีตั้งแต่ 2 บัญชีขึ้นไป เหมาะกับธุรกิจขนาดใหฐ่ขึ้นมาหน่อย ที่มีผู้ดูแลรับผิดชอบการเงินมากกว่า 1 คน
โดยอาจจะแยกเป็นบัญชีสำหรับรับเงิน และบัญชีจ่ายเงิน หรือสามารถกำหนดจุดประสงค์การจ่ายที่แตกต่างออกไปได้
ข้อดี ของวิธีนี้จะช่วยให้สามารถควบคุมการรับและใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เช่น ใส่วงเงินในบัญชีเงินจ่ายรายเดือนเข้าไปจำนวนนึงทุกๆ ต้นเดือน เพื่อช่วยไม่ให้ใช้จ่ายเกินงบ เป็นต้นค่ะ
สรุปง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบุคคลธรรมดาที่มีขนาดเล็ก หรือธุรกิจนิติบุคคลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็ตาม ต้องจะมีบัญชีสำหรับธุรกิจอย่างน้อย 1 บัญชี เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และวิเคราะห์รายรับ – รายจ่ายของธุรกิจได้ง่ายขึ้นค่ะ
แต่จะว่าไป…เรื่องบัญชีธนาคาร เท่าที่สังเกตมา ไม่ได้มีแค่บัญชีออมทรัพย์เท่านั้นนะคะ ยังมีบัญชีแบบอื่น ๆ ที่เจ้าของธุรกิจมือใหม่ต้องรู้ โดยจะเล่าให้ทุกคนฟังในหัวข้อถัดไปค่ะ
ออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำต่างกันยังไง
การบริหารจัดการการเงินของธุรกิจ ไม่เพียงแต่แยกดูแล ควบคุม และตรวจสอบรายรับ – รายจ่ายเท่านั้น แต่ยังมีธุรกรรมอื่น ๆ ที่เจ้าของธุรกิจหลายคนจะต้องเจอ เช่น การจ่ายเงินเป็นเช็ก หรือกรณีเงินเหลือก็อยากจะเก็บเงินก้อนไว้เพื่อรอดอกเบี้ย
นั่นจึงเป็นที่มาของการมีบัญชีธนาคารรูปแบบต่าง ๆ ที่สอดรับกับการทำธุรกรรมที่ไม่เหมือนกัน โดยในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 3 ประเภทค่ะ บัญชีเงินฝากหลากหลายประเภทจัง มันต่างกันอย่างไร มาดูกันเลย
- บัญชีออมทรัพย์ เป็นบัญชีที่ไม่กำหนดระยะเวลา และจำนวนครั้งในการฝาก-ถอน มักจะใช้ร่วมกับบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเดบิต และสามารถหักบัญชีอัตโนมัติเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ ส่วนใหญ่คนทำธุรกิจต้องมีบัญชีนี้ 1 บัญชีเป็นอย่างน้อย
- บัญชีกระแสรายวัน เป็นบัญชีที่สามารถใช้เช็คเบิกจ่ายค่าสินค้า และบริการต่าง ๆ ได้ และสามารถขอใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (O/D) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเมื่อเงินขาดบัญชี กรณีเซนต์เช็กจ่าย ทำให้เรากำหนดวันที่ตัดจ่ายชำระเงินล่วงหน้าได้ค่ะ แต่ข้อเสียของบัญชีนี้ ถ้าใช้เงินเกินกว่าที่เรามี ก็จะมีดอกเบี้ยเงิน OD แบบจุกๆ เลยนะ
- บัญชีฝากประจำ เป็นบัญชีที่กำหนดระยะเวลาการฝากถอนที่แน่นอน และมีดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ เหมาะกับการเก็บเงินเย็นในระยะยาว เช่น 3 เดือน 6 เดือน ไม่ถอน
เทคนิคเปิดบัญชีธนาคารให้ดำเนินงานสะดวก
เทคนิคง่าย ๆ คือ สมัครระบบให้บริการรับ โอน จ่ายเงินทุกรูปแบบไปเลยพร้อมกันทีเดียว จะได้ครอบคลุมทุกจุดประสงค์ของการใช้งาน
ขอยกตัวอย่างระบบให้บริการที่พบบ่อยที่สุด เช่น
- Prompt Pay โอนสะดวกไม่ต้องใช้เลขบัญชี
- Internet Banking ใช้จ่ายทันทีผ่านเว็บไซต์ธนาคาร ไม่ต้องใช้เงินสด
- Mobile Banking คล้าย ๆ กับ Internet Banking แต่ทำรายการผ่านแอปพลิเคชัน
- QR Payment สแกนชำระผ่าน QR Code ได้ทันที
ขอแอบกระซิบเทคนิคเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ แนะนำให้ประชุมวางแผนกันก่อนว่าจะเปิดบัญชีธนาคารกี่บัญชี สมัครบริการรับ โอน จ่ายเงินแบบไหนบ้าง และจะดำเนินการต่อได้อย่างไร
จากนั้น ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการ และเอกสารที่ใช้ให้เรียบร้อย ถ้าหาข้อมูลไม่เจอสามารถโทรสอบถามกับธนาคารได้นะคะ เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมครบหมดแล้ว เราจะได้ไปดำเนินการที่ธนาคารทีเดียวจบ ไม่ต้องไปหลาย ๆ รอบให้เสียเวลาค่ะ
ใครอ่านแล้ว อยากเปิดบัญชีธนาคารแล้วหล่ะก็ มาดูเลย เปิดบัญชีธุรกิจต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
แชร์ความผิดพลาดที่เจ้าของธุรกิจไม่เคยรู้
เชื่อว่าเจ้าของธุรกิจหลายคนเจอปัญหาเรื่องบัญชีธนาคารรูปแบบต่าง ๆ และเผลอทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจจนเกิดปัญหากันให้วุ่นเลยใช่ไหมคะ? เพื่อเป็น Case study ให้เจ้าของธุรกิจมือใหม่ได้ศึกษา จะได้ไม่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จะขอแชร์ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ
1. เปิดบัญชีเยอะเกินความจำเป็น
ถ้าหากเปิดบัญชีแยกเป็น 2 บัญชีเพื่อแบ่งสัดส่วนเงินในธุรกิจเป็นเงินรับ – เงินจ่ายออกชัดเจน อันนี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจได้หลายด้านค่ะ แต่ถ้าหากเปิดมากกว่าเป็น 3 4 5 บัญชีแบบนี้ อันนี้อาจต้องระวังเรื่องการจัดการบัญชีที่จะยุ่งยาก และวุ่นวายมากขึ้น จนทำให้พนักงานสับสนได้ว่าต้องใช้บัญชีไหนกันแน่
นอกจากนี้ ยังต้องเจอกับค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วย ซึ่งถ้ามีหลายบัญชี ธุรกิจอาจต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็นค่ะ เพราะฉะนั้น เปิดบัญชีเท่าที่ธุรกิจใช้งานจริง ๆ ก็พอค่ะ
2. มีเงินเยอะขึ้น แต่ไม่ได้แบ่งเงินไปลงทุนเลย
การที่ธุรกิจมีกำไรทุก ๆ เดือนจนมีเงินในบัญชีเยอะก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะได้มีงบไปพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น แต่จะดีกว่าไหมคะ ถ้าแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาไว้ในบัญชีลงทุนเพื่อให้เงินก้อนนั้นงอกเงยขึ้น ก็จะได้มีกำไร ดอกเบี้ย หรือเงินปันผลได้ตักตวงรายได้เข้าธุรกิจเพิ่มอีกหนึ่งทางนั่นเอง บอกเลยว่า ยิ่งธุรกิจมีรายได้หลายทางยิ่งดีค่ะ
3. แยกบัญชีแล้วแต่ไม่ได้จำกัดวงเงินใช้จ่ายของธุรกิจ
เคสแบบนี้ ธุรกิจใหญ่ ๆ ที่มีคนรับผิดชอบดูแลการเงินหลายคนยิ่งต้องรู้เลยค่ะ เมื่อบัญชีใช้จ่ายไม่ได้ถูกกำหนดวงเงินต่อเดือนเอาไว้ อาจเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีอำนาจอนุมัติโกงเงินได้ค่ะ
แต่ถ้ามีการใส่ Budget ต่อเดือนไว้ อย่างเช่นเดือนละ 20,000 บาท ก็จะช่วยจำกัดความเสี่ยงที่จะโดนโกงเงินได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ แนะนำให้ตรวจสอบบัญชีทั้งเงินรับ และเงินจ่ายทุกเดือนควบคู่ไปด้วยกันจะดีที่สุดค่ะ
สรุป ทำธุรกิจ ควรเปิดบัญชีกี่ธนาคารดี มีแค่บัญชีเดียวพอไหม
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะทำธุรกิจขนาดเล็กจิ๋ว หรือขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เรื่องการเปิดบัญชีบริษัทก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเราจะมีกี่บัญชี และแต่ละบัญชีจะมีไว้เพื่อทำอะไรบ้าง เพราะท้ายที่สุดมันจะช่วยให้เราบริหารจัดการเงินได้ง่ายขึ้น เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงเงินหายได้แบบไม่รู้ตัวอีกด้วยนะคะ
บทความอื่นๆ เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องจัดการบัญชีธนาคาร คลิกอ่านเพิ่มเติมได้เลย
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัท รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อ Line: @zerotoprofit
