จ้างพนักงาน คิดค่าตอบแทนให้เท่าไรดี

ตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงดี แบบฉบับเจ้าของธุรกิจมือใหม่

การจ้างพนักงาน ก็คือ การลงทุนรูปแบบหนึ่ง เพราะยิ่งมีพนักงานเก่งมาทำงานด้วย ก็มีโอกาสทำให้ธุรกิจเติบโตได้แบบเก้ากระโดดค่ะ

แต่การมีพนักงานคนแรก ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเพื่อนๆ น่าจะมีคำถามในใจว่า จ้างพนักงานคนแรกจะตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงดี มีค่าใช้จ่ายอะไรนอกจากเงินเดือนที่ต้องเข้าใจอีกบ้าง

ถ้าอยากตั้งเงินเดือนแบบสมเหตุสมผล แถมยังจูงใจพนักงานได้อีก บทความนี้มีข้อมูลดี ๆ มาฝากเจ้าของธุรกิจมือใหม่ทุกคนค่ะ

ตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงดี?

ตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงนั้น เราจะต้องวางจุดประสงค์ของการรับพนักงานก่อนว่าจะรับมาช่วยงานตำแหน่งไหน แผนกอะไรค่ะ

จากนั้นก็มาสำรวจตลาดแรงงานในสายงานนั้น ๆ ว่าฐานเงินเดือนส่วนใหญ่อยู่ที่ช่วงราคาเท่าไหร่ เจ้าของธุรกิจอาจจะสำรวจราคาตลาดได้จากเว็บไซต์จัดหางาน เช่น Jobs DB, Work Venture และ Job Thai ซึ่งจะมีฐานข้อมูลเงินเดือนแต่ละสายงานให้สำรวจอยู่ค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องระวังนิดนึงว่า งานเหมือนกัน แต่พื้นที่ไม่เหมือนกัน ราคาตลาดแรงงานก็จะต่างกันด้วยค่ะ เช่น ทำงานในเขต กทม. เงินเดือนก็น่าจะมากกว่าเขตต่างจังหวัด เพราะว่าค่าครองชีพแพงกว่ากันเยอะ

วิธีการคิดเงินเดือนเบื้องต้น
ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ให้ลองสำรวจเงินเดือนในตลาดดูก่อน แล้วลองคิดดูว่าในแต่ละเดือนเราต้องจ่ายเท่าไร โดยแบ่งเป็น 3 แบบดังนี้

  • ค่าตอบแทนแบบรายชั่วโมง = ค่าจ้างต่อชั่วโมง x จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน
  • ค่าตอบแทนแบบรายวัน = (ค่าจ้างต่อวัน x จำนวนวันทำงาน) – รายหัก ขาด ลา
  • ค่าตอบแทนแบบรายเดือน = (ฐานเงินเดือน + โบนัสต่าง ๆ) – รายหัก ขาด ลา ประกันสังคม ภาษี

พอได้เงินเดือนเบื้องต้นมาแล้ว เจ้าของธุรกิจสามารถเพิ่มเงินเดือนได้นะคะ จะเพิ่มมาก เพิ่มน้อย ขึ้นอยู่กับทักษะและความสามารถของพนักงานว่าเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจขนาดไหน ก็จะได้จำนวนตัวเลขของเงินเดือนที่ต้องการออกมานั่นเองค่ะ

ตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงดี
ตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงดี

ค่าตอบแทนอื่นๆ มีอะไรบ้าง?

เรื่องเงินเดือนที่เล่าเอาไว้ในหัวข้อก่อนหน้า ก็คือ รูปแบบหนึ่งของค่าตอบแทนพนักงาน (Compensation) ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจจะจ่ายให้พนักงานค่ะ

แต่ๆๆ ช้าก่อน เพราะแค่จ่ายเงินเดือนพนักงานอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่พอ

นอกจากเงินเดือนแล้ว อย่าลืมนึกถึงค่าตอบแทนอื่นๆ ด้วย เช่น

  • ถ้าเจ้าของธุรกิจจะซื้อใจพนักงานอยู่ทำงานให้ต่อ ก็ต้องมีเงินโบนัสให้ด้วย
  • เวลาที่พนักงานเซลล์หาลูกค้าได้ และสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้น ก็ต้องมีค่าคอมมิชชันให้พนักงานเป็นค่าตอบแทนเพิ่มเติมจากเงินเดือนด้วยเช่นกัน
  • ถ้าเจ้าของธุรกิจอยากให้ธุรกิจตัวเองเป็นองค์กรที่ใคร ๆ อยากเข้ามาทำงานด้วย ก็ต้องมีสวัสดิการที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงาน (เช่น คอมพิวเตอร์ฟรี ข้าวกลางวันฟรี มีคอร์สอบรมทักษะพนักงาน) และสามารถดูแลเรื่องความคุ้มครองได้

เพราะฉะนั้น จะตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงให้สมเหตุสมผล และสามารถจูงใจพนักงานได้ อย่าลืมเพิ่มสวัสดิการดี ๆ และเงินโบนัส หรือค่าคอมมิชชันเข้าไปในค่าตอบแทนของพนักงานด้วยนะคะ

ค่าตอบแทนอื่นๆ มีอะไรบ้าง
ค่าตอบแทนอื่นๆ มีอะไรบ้าง

การจ่ายเงินชดเชย ตามกฎหมายที่เจ้าของธุรกิจควรรู้มีอะไรบ้าง?

หลังจากที่เจ้าของธุรกิจรับพนักงานใหม่มาทำงานแล้ว มาดูกันต่อไปว่าพนักงานคนนั้นทำงานได้ตามความคาดหวังหรือไม่ค่ะ เช่น คาดหวังว่าบุคคลนั้นจะสามารถเพิ่มยอดขายให้ได้ภายใน 3 เดือน หากทำงานได้ตรงใจก็อยู่ต่อ แต่ถ้าทำงานไม่ถูกใจเจ้าของธุรกิจ หรือไม่สามารถทำงานได้ตามความคาดหวังได้ ในมุมมองของผู้ประกอบการ “ต้องให้บุคคลนั้นออก” และหาคนใหม่ที่เหมาะสมกว่ามาทำงานแทน

ในมุมมองของลูกจ้าง อาจฟังดูใจร้ายนะคะ แต่เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ เจ้าของธุรกิจหลายคนก็คงเลือกที่จะทำแบบนี้ค่ะ จึงเป็นที่มาของการ “เลิกจ้าง (Lay Off)” ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากได้ยินนั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจ้าของธุรกิจจะต้องรู้เมื่อมีการให้พนักงานออกกะทันหัน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานตามกฎหมายนะคะ

ดังนั้น หากมีกรณีที่ให้พนักงานออก หรือพนักงานอยู่กับเราจนเกษียณอายุ ก็จะมีค่าใช้จ่ายเงินชดเชยตามมาด้วยนะ

ตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 118 การจ่ายชดเชยให้แก่ลูกจ้าง กำหนดเอาไว้ว่า หากมีพนักงานเกษียณ หรือถูกเลิกจ้าง จะต้องจ่ายเงินชดเชยตามอายุงานของพนักงานในอัตราค่าชดเชยที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เจ้าของธุรกิจจะต้องทำความเข้าใจดังนี้ค่ะ

อายุงานอัตราค่าชดเชย
ไม่น้อยกว่า 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปีค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
มากกว่า 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปีค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
มากกว่า 3 ปี แต่ไม่ถึง 6 ปีค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
มากกว่า 6 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปีค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
มากกว่า 10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปีค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
มากกว่า 20 ปีขึ้นไปค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน

เพราะฉะนั้น การตั้งเงื่อนไขให้ทดลองงานก่อนหรือกระบวนการประเมินการทำงานอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยให้เราประหยัดเงินจ่ายชดเชยพนักงานในกรณีที่ไล่ออกได้นะคะ

การจ่ายเงินชดเชย ตามกฎหมายที่เจ้าของธุรกิจควรรู้มีอะไรบ้าง
การจ่ายเงินชดเชย ตามกฎหมายที่เจ้าของธุรกิจควรรู้มีอะไรบ้าง

สุดท้ายผลประโยชน์พนักงานมีมากกว่าเงินเดือน?

จริงอยู่ที่ที่การตั้งเงินเดือนพนักงานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยังไงพนักงานที่จะมาทำงานด้วยจะพิจารณาที่ผลประโยชน์ด้วยเสมอค่ะ เพราะพนักงานยุคใหม่มักจะให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น โอกาสในการเติบโต  สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ตอบโจทย์มากขึ้น นี่จึงเป็นสิ่งที่จะชี้วัดได้ว่าพนักงานพอใจ หรือมีความสุขกับการทำงานให้ธุรกิจนี้หรือไม่ค่ะ

ดังนั้น เพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างทำงานด้วยกันแล้วมีความสุข และสบายใจ เจ้าของธุรกิจอย่ามองข้ามความสำคัญของผลประโยชน์พนักงานนะคะ เรื่องแบบนี้พูดคุยกับพนักงานกันได้ วินวินทั้งสองฝ่ายแน่นอนค่ะ

สรุป คิดค่าตอบแทน ตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงดี?

การคิดค่าตอบแทนพนักงานให้ดูที่ราคาตลาดแรงงานในสายงานนั้น ๆ และความสามารถของผู้สมัครงานเป็นหลัก ซึ่งจะตั้งเงินเดือนพนักงานยังไงนั้น สามารถคิดได้ 3 วิธีคือ รายชั่วโมง รายวัน และรายเดือน

นอกจากนี้ ควรจะให้ค่าตอบแทนในรูปแบบอื่น ๆ เช่น เงินโบนัส และสวัสดิการเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อซื้อใจให้พนักงานอยู่ทำงานต่อให้ธุรกิจเดินหน้าค่ะ แต่ถ้าพนักงานทำงานไม่ตรงใจ และนำไปสู่การเลิกจ้างจะต้องมอบเงินชดเชยตามกฎหมายค่ะ

เห็นไหมคะว่า ในการคิดค่าตอบแทนให้พนักงานหนึ่งคน มีค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนเยอะมาก อีกทั้งยังเป็น Fixed Cost ของธุรกิจ หรือค่าใช้จ่ายคงที่ที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น วางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายดี ๆ จัดสรรและสำรองเงินสำหรับจ่ายค่าตอบแทนให้เพียงพอสำหรับพนักงานทุกคนด้วยนะคะ

สำหรับคนที่อยากฟังนุชและพี่หนอมพูดคุยกันเรื่องนี้ ไปติดตามต่อกันได้ที่นี่เลยจ้า

บทความอื่นๆ เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องพนักงาน (คลิกที่นี่)

เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัท รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อ Line: @zerotoprofit

ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านบัญชีธุรกิจ ที่เชื่ออย่างสุดหัวใจว่า การทำบัญชีช่วยให้ธุรกิจมีกำไร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง