พี่ซีโร่เปิดธุรกิจขายกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน ลงทุนวาดลายเอง ซื้อเครื่องสกรีนกระเป๋า แล้วก็ขายแม่ค้าแบบส่งที่ตลาดจัตุรัส
ทำธุรกิจมาหกเดือนไม่มีเงินเหลือเลยสักบาท พี่ซีโร่ซักสับสนซะแล้วว่า เค้าทำธุรกิจไปเพื่ออะไร ทำไมเค้าไม่กำไรเลย
เพื่อนๆ อ่านเรื่องนี้ของพี่ซีโร่แล้ว คิดยังไงกันบ้าง?
สำหรับเราเอง อ่านเรื่องนี้แล้ว เราคิดว่าพี่ซีโร่เข้าใจผิดมากๆ 1 เรื่อง (แต่ไม่เป็นไรนะ พี่ซีโร่จะไม่โดนตี)
ทำธุรกิจแล้วไม่มีเงิน ไม่เท่ากับ ไม่มีกำไร
ถ้าพี่ซีโร่ไม่มีเงิน ต้องแก้ปัญหาเรื่องเงิน ไม่ใช่ไปแก้ที่กำไร
กำไร = รายได้ – ค่าใช้จ่าย ถ้ามั่นใจว่าตั้งราคาขายได้ดีพอ ขายของแล้วกำไรทุกชิ้น แปลว่าตอนนี้เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องการทำกำไร
แม้ว่าจะมีกำไรก็ไม่ได้การันตีว่าพี่ซีโร่จะไปต่อได้ถ้าเค้าขาดเงิน
ถ้าอยากให้พี่ซีโร่สู้ต่อกับธุรกิจนี้ เราจะช่วยพี่ซีโร่ยังไงดี ลองมาดูกัน
ถ้าอยากแก้ปัญหาเรื่องเงิน..เคล็ดลับง่ายๆ เราก็ต้องเข้าใจเงินสิ
วิธีทำความเข้าใจเรื่องเงิน เริ่มจากการเชื่อมโยงความสัมพันธ์
เหมือนเวลาเราอยากเข้าใจว่าแฟนโกรธอะไร ทำไมไม่พูดกันดีๆ เราก็ต้องสังเกต แล้วทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุและผลบางอย่างเสียก่อน (ถึงแม้บางทีมันอาจไม่มีเหตุผลก็เหอะ555)
อะไรสัมพันธ์กับเงินสดบ้างขอยกตัวอย่างง่ายๆ แบบนี้
ตัวแรก ลูกหนี้
ลูกหนี้ = พี่ซีโร่ขายกระเป๋าผ้าล็อตใหญ่ให้แม่ค้าตลาดจัตุรัส ส่งของให้แล้วแต่ยังไม่ได้รับเงิน ณ วันนั้น
ถ้าลองจับความสัมพันธ์ดีๆ เพราะในแต่ละเดือนพี่ซีโร่จะมีลูกหนี้เพิ่มและลด
ถ้าลูกหนี้เพิ่ม = ขายของได้ (ไม่ใช่รับตังค์)
ส่วนถ้าลูกหนี้ลด = ได้รับตังค์แล้ว
สาเหตุที่พี่ซีโร่ ไม่มีเงินสดจึงอาจเกิดจากลูกหนี้เพิ่มตลอดๆ แต่ไม่ได้รับเงินสักทีก็เป็นได้
ตัวที่สอง สินค้า
เปิดร้านกระเป๋าผ้าทั้งที ไม่มีสินค้าได้ยังไง
สินค้าในที่นี้ความหมายกว้างมาก มันรวมตั้งแต่ผ้าดิบ ผ้าที่กำลังสกรีน และกระเป๋าที่ยังขายไม่ออก
ในทุกๆ เดือนสินค้ามีเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่เรื่อย
ถ้าสินค้าเพิ่ม = อาจมาจากการซื้อผ้าเพิ่ม ทำกระเป๋าเพิ่ม สินค้านี้สัมพันธ์กับเงินตรงที่ว่า มันทำให้ตังค์ลด (เพราะต้องจ่ายเพื่อให้ผ้ามา)
ถ้าสินค้าลด = เกิดจากขายกระเป๋าผ้าได้ ทำให้ผลสุดท้ายเงินเพิ่มแน่นอน ต้องดูต่อว่าขายกระเป๋าผ้าแบบเชื่อหรือสด จากเหตุการณ์ที่เล่ามาดูเหมือนว่าพี่ซีโร่จะขายเชื่อเป็นส่วนใหญ่ เงินกว่าจะได้ต้องรอลูกหนี้จ่ายคืนเสียก่อน
ตัวที่สาม อุปกรณ์
จะทำกระเป๋าสวยๆ ได้พี่ซีโร่ก็ต้องลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์สเปกสูงมาออกแบบลาย (แหม่…ยืมแฟนใช้ก่อนก็ได้มั้ง) และซื้อเครื่องสกรีนกระเป๋า รวมไปถึงเครื่องมือต่างๆอีกมากมาย
เจ้าอุปกรณ์พวกนี้แหละ มีความสัมพันธ์แบบพิเศษกับเงินสด และแตกต่างจากสินทรัพย์ตัวอื่นๆ ตรงที่ว่า
อุปกรณ์เพิ่ม = ซื้ออุปกรณ์ เงินสดออกแน่นอน และก้อนใหญ่ด้วย
อุปกรณ์ลด = ร้อยทั้งร้อยเกิดจากค่าเสื่อมราคา (ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับเงินสด) และอาจขายอุปกรณ์ได้ (แต่ไม่น่าเกิดบ่อยเพราะเรายังต้องใช้งานอยู่)
รู้แบบนี้พี่ซีโร่น่าจะถึงบางอ้อ ว่าเงินก้อนใหญ่ที่หายไป มันเกิดจากการซื้ออุปกรณ์พวกนี้นี่เอง
ตัวสุดท้าย หนี้สิน
หนี้สิน = อะไรก็ตามที่ยืมเค้ามา แล้วต้องคืน หรือไม่ซื้อของมาแล้วติดค้างชำระเค้าอยู่
หนี้สินมีความสัมพันธ์กับเงินลดคนละแบบกับสินทรัพย์อย่าง ลูกหนี้ สินค้า และอุปกรณ์ ตรงที่ว่า
ถ้าหนี้สินเพิ่ม = เราได้เงินมาเพิ่ม
ถ้าหนี้สินลด = จ่ายชำระหนี้ เงินสดจึงลด
แต่ถ้าคิดดีๆ คงไม่มีใครอยากมีเงินสดเข้ามาเพราะมีหนี้เยอะๆ แน่นอน มันไม่คูลเอาซะเลย
จากตัวอย่างทั้ง 4 ข้อ พี่ซีโร่น่าจะเข้าใจได้ว่า แต่ละสิ่งมีความสัมพันธ์กับเงินสดอย่างไร
สินทรัพย์ เพิ่มเมื่อไร หมายถึง เงินสดลด (ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม)
หนี้สิน เพิ่มเมื่อไร หมายถึง เงินสดเพิ่ม
แล้วถ้าจะเพิ่มเงินสด พี่ซีโร่ควรโฟกัสเรื่องไหน ตอนนี้ก็น่าจะเข้าใจมากขึ้นแล้ว
สุดท้ายนี้ พี่ซีโร่จะแก้ปัญหาเรื่องเงินได้มั้ยก็ต้องติดตามตอนต่อไปแล้วล่ะ
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit