ทำธุรกิจส่วนตัว เรื่องที่เจ้าของกลัวมากๆ ก็คือ เงินสดขาดมือ เหมือนจะมีกำไรนะ แต่ทำไมใกล้สิ้นเดือน เหมือนว่าจะชักหน้าไม่ถึงหลังสักที จ่ายค่าสินค้าก็ต้องจ่าย ลูกน้องก็ต้องเพย์ สุดท้ายไม่เหลือเงินติดบัญชีเลยสักบาท
ถ้าใครกำลังเจอปัญหาแบบนี้อยู่ วันนี้เราจะชวนทุกคนมาเรียนรู้เรื่องที่มักเข้าใจผิดบ่อยเกี่ยวกับการเงินธุรกิจ และเรียนรู้วิธีเพิ่มเงินสดในกระเป๋ากันค่ะ ว่ามีเทคนิคอะไรเด็ดๆ บ้าง เผื่อว่าจะเอาไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเอง
เรื่องเข้าใจผิดบ่อยเกี่ยวกับเงินสด
ก่อนอื่น จะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจแบบนี้ก่อนว่า “เงินสดขาดมือ” นั้นไม่ได้หมายถึง ธุรกิจขาดทุนเสมอไป
เราต้องมองคนละมุมกัน เพราะกำไร (ขาดทุน) นั้นเรามองจากงบกำไรขาดทุน คำนวณจาก รายได้ – ค่าใช้จ่าย
แต่ “เงินสด” เรามองจากมุมเงินสดจริงๆที่อยู่กับตัว หรือเงินที่ฝากไว้กับธนาคารนั่นเองค่ะ ถ้าวันนี้เปิดแอปธนาคารแล้วเงินเหลือติดบัญชีมีน้อยนิด ลองมาดูเคล็ดลับจาก Zero to Profit สำหรับวิธีการเพิ่มเงินสดในธุรกิจกันนะคะ
5 เทคนิค เพิ่มเงินสดในธุรกิจ
1. เพิ่มยอดขายจาก Up sale และ Cross Sale
การเพิ่มยอดขาย เป็นอะไรที่พูดง่าย แต่ทำย๊าก ยากส์ (ต้องเติม S ด้วย)
หลายคนบอกว่า การหาลูกค้าใหม่ๆ อาจจะยากในสถานการณ์ที่เร่งด่วน ดังนั้น วิธีเพิ่มยอดขายกับลูกค้ารายเดิมๆ อาจทำง่ายกว่า แต่ทว่าเราต้องไม่ฮาร์ดเซลล์จนเกินไป เพราะลูกค้าอาจตกใจ และหนีหน้าไปหาร้านใหม่ก็เป็นได้ค่ะ
เพิ่มยอดขายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด เราแนะนำให้ลองทำ 2 วิธีนี้ดูค่ะ
- Up sale คือ การทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าที่ตั้งใจไว้ เช่น ตั้งใจจะซื้อเสื้อ 2 ตัว อ่าว มีโปรโมชั่น ซื้อ 3 แถม 1 เลยจัดไปอีกสักตัว คุ้มว่าเห็นๆ
- Cross sale คือ การขายสินค้าหรือบริการที่ใกล้เคียง เกี่ยวพันกับสินค้าหลัก ทำให้ลูกค้าจ่ายเงินซื้อเพิ่มมากขึ้น เช่น ขายโทรศัพท์มือถือ แล้วเสนอลูกค้าซื้อประกันมือถือไปด้วย ทำให้ได้ทั้งค่าสินค้า และค่าบริการเสริมในเวลาเดียวกัน
ทั้ง Up Sale และ Cross Sale นั้นช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น และสุดท้ายทำให้ธุรกิจได้เงินสดกลับมามากยิ่งขึ้นจากลูกค้ากลุ่มเดิมๆ ค่ะ
2. ลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน
ในธุรกิจมีค่าใช้จ่ายมากมายที่ใช้สำหรับการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นค่าซื้อสินค้า ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายจุกจิกในร้าน สิ่งนี้ทำให้เงินทะยอยออกจากธุรกิจไปเหมือนน้ำซึมบ่อทราย ถ้าไม่มีมาตรการควบคุม
ถ้าการเพิ่มยอดขายมันยากนัก ลองมาลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานลงบ้าง ก็เท่ากับว่ารักษาเงินสด เพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจได้มากขึ้นอีกวิธีนึงค่ะ
ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานไหนลงดี? เราแนะนำให้ทำแบบนี้
- เอาข้อมูลบัญชีมากางดู ว่าในแต่ละเดือนเรามีรายจ่ายอะไรบ้างในธุรกิจบ้าง
- ลองวิเคราะห์ดูสักนิดว่ารายจ่ายส่วนไหนมีเยอะไปกว่าที่จำเป็นบ้าง
- เมื่อเลือกประเภทรายจ่ายที่อยากลดได้แล้ว ลองหาวิธีเจ๋งๆ เพื่อลดรายจ่ายเหล่านั้นในระยะยาว เช่น
อยากลดค่าไฟฟ้าที่แสนแพงในแต่ละปี อาจจะลองหาวิธีประหยัดไฟในโรงงาน ด้วยการกำหนดเวลาเปิดปิด เปลี่ยนสวิซเป็นประเภท LED หรือวางแผนลงทุนในโซลาเซลล์ ถ้าเปรียบเทียบดูแล้วว่าจำนวนเงินที่ประหยัดได้ มีมากกว่าเงินทุนที่ต้องจ่ายชัวร์
การลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานนั้น ทำได้หลายทาง แต่สิ่งที่ต้องคิดให้รอบคอบเสมอ ก็คือ ลดรายจ่ายแล้ว คุณภาพของสินค้าและบริการยังดีอยู่ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเสียลูกค้าในอนาคตนะคะ
3. ลดเวลา
เวลาเป็นสิ่งมีค่า ทั้งกับชีวิตคนเรา และกับธุรกิจ
การลดเวลาในการทำงาน ช่วยลดรายจ่ายทางอ้อม เพราะว่าเราจ่ายค่าแรงเท่าเดิม พนักงานทำงานได้มากขึ้น แบบนี้ก็เท่ากับว่าได้ผลผลิตมากขึ้น สุดท้ายผลผลิตนั้นก็ย้อนกลับมาเป็นรายได้ที่สูงขึ้น เงินสดที่เยอะขึ้นนั่นเอง
แล้วเจ้าของธุรกิจจะลดเวลาทำงานของพนักงานได้อย่างไร?
- หาให้ได้ก่อนค่ะว่า “เราเสียเวลาไปกับอะไรมากที่สุด” โดยใช้วิธีจับเวลาแบบ Timesheet หรือวัดจากจำนวนผลผลิต
- ลองเอาเทคโนโลยี หรือว่าระบบ automation มาช่วยในการทำงาน เพื่อลดขั้นตอนลง
ตัวอย่างการลดเวลาทำงานที่เห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน ก็คือ ห้างสรรพสินค้าทั้งหลายจะไม่มีพนักงานคอยนั่งแจกบัตรจอดรถแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นใช้เครื่องแจกบัตรทำงานแทนคนไงล่ะ
4. ลดเงินกู้และดอกเบี้ย
การกู้เงินเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับคนทำธุรกิจ แต่ถ้าเงื่อนไขการกู้นั้นทำให้เราต้องจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ก็แปลว่า เงินสดนั้นจะไหลออกไปจากธุรกิจไวขึ้น
ในตอนเริ่มธุรกิจเราอาจไม่มีตัวเลือกในการทำสัญญาเงินกู้มากนัก เพราะยังไม่มีเครดิตพอ แต่เมื่อทำธุรกิจมาสักพัก เป็นลูกหนี้ที่ดี ไม่มีเบี้ยว เราสามารถขอ refinance สัญญาเงินกู้ เพื่อให้จ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกลงได้ ซึ่งวิธีนี้ต้องเข้าไปสอบถามและเจรจากับทางธนาคารนะคะ
เราแนะนำว่า ก่อนจะไปหาธนาคารเพื่อขอ refinance เงินกู้ ให้ลองทำการบ้านแบบนี้ไปก่อน
- สรุปยอดหนี้สิน และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายชำระ
- เปรียบเทียบว่าหนี้สินก้อนไหน ดอกเบี้ยแพงกว่าเพื่อน อาจจะเริ่มต้นของเจรจา รีไฟแนนซ์ จากเงินกู้ก้อนนี้ก่อน
- บางทีมีหนี้หลายก้อน อาจตัดสินใจโปะหนี้ ก้อนที่โปะไหว เพื่อลดภาระรายจ่ายในอนาคตแทนก็ได้
5. ลดการจ่ายเผื่ออนาคต
การจ่ายเงินเผื่ออนาคต คือ การจ่ายเงินออกไปก่อน เพื่อใช้บริการ หรือใช้ประโยชน์จากสิ่งๆ นั้นในอนาคตค่ะ เงินเหล่านี้ที่จ่ายไปสำหรับการใช้งานในวันข้างหน้าอาจทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า “เงินจม”
ตัวอย่างเงินที่จ่ายออกไปเพื่ออนาคต เช่น
- จ่ายเงินซื้อสินค้าสต๊อกไว้ แต่ไม่รู้ว่าขายได้เมื่อไร
- Subscription ค่าสมาชิกเอาไว้ล่วงหน้านานๆ เพราะขี้เกียจจ่ายเงินทีละเดือน
- ทำสัญญาจ่ายเงินระยะยาว เพราะเห็นแก่ส่วนลดเล็กน้อย
เงินเล็กน้อยที่จ่ายไปล่วงหน้าเหล่านี้ เมื่อรวมๆ กันแล้วอาจเป็นยอดสูง เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ธุรกิจขาดเงินหมุนเวียนค่ะ ถ้าลดได้ลด เลิกได้เลิก ยิ่งถ้าจ่ายไว้แล้วไม่ได้ใช้งานนี้ ขอให้หยุดประเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็น 5 เทคนิคเพิ่มเงินในบัญชีที่ Zero to Profit เอามาฝากทุกคนค่ะ ถ้าอยากมีชีวิตดำเนินธุรกิจไปยาวๆ อย่าลืมดูแลการเงินให้ดี และหวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยทุกคนได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit