เงินเข้า เงินออก จากธุรกิจมีอะไรบ้าง? จะบริหารอย่างไร?

เงินเข้า เงินออก จากธุรกิจมีอะไรบ้าง? จะบริหารอย่างไร?

ถ้าอยากบริหารเงินสดให้เก่งต้องเข้าใจที่มาที่ไปของเงินสดว่าเงินเข้า เงินออกจากอะไรบ้าง แต่ถ้าจะให้เริ่มต้นจากการเช็คงบการเงิน ที่เรียกว่า งบกระแสเงินสด คงจะยากเกินไปสักหน่อยสำหรับเจ้าของกิจการ เพราะเจ้างบกระแสเงินสดนั้น ไม่ใช่งบที่ทุกคนทำกันเป็น (ถึงแม้นักบัญชีก็ยังทำงบนี้ไม่เป็นทุกคนนะ จะบอกให้)

แต่อย่าเพิ่งท้อใจไปนะคะ เพราะแม้ว่าเราจะไม่มีงบกระแสเงินสดอันหรูหรา ก็ไม่ใช่ว่าเราจะบริหารเงินสดในธุรกิจไม่ได้เลยซะทีเดียว ในวันนี้นุชจะชวนทุกคนมาลองทำความเข้าใจเรื่องเงินเข้า-ออก จากนั้นไปเรียนรู้วิธีบริหารเงินสดแบบบ้านๆ แต่ใช้ได้ผลมาแล้วหลายธุรกิจค่ะ

สิ่งต้องรู้เกี่ยวกับเงินเข้า เงินออกของธุรกิจ

เริ่มต้น เรามาตั้งสติกันหน่อยว่าเราต้องรู้อะไรก่อนจะไปบริหารจัดการเงินสด

อันดับแรกเลย เราต้องรู้ว่าจะเช็กเงินเข้าและเงินออกของธุรกิจได้จากไหน

บางคนมีเงินเข้า-ออกหลายช่องทาง เช่น

  • เงินโอน
  • เงินสดหน้าร้าน
  • เงินรับผ่านบัตรเครดิต
  • เงินที่เข้ามาในบัญชีของหุ้นส่วน

ทั้งหมดนี้ ต้องแยกให้ได้ว่าเงินที่เข้ามาเป็นเงินจากการทำธุรกิจหรือไม่ และในแต่ละช่องทางมีเงินเข้า เงินออกเท่าไรบ้าง

แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว สำหรับคนที่ไม่เคยวางแผนเรื่องการเงิน หรือไม่เคยแยกกระเป๋า ธุรกิจเลย แต่ถ้าวางแผนไว้ล่วงหน้า แยกเงินธุรกิจกับเงินส่วนตัวออกจากกัน ก็จะพบว่าเรื่องนี้เช็กได้ไม่ยาก เพียงแค่ดาวน์โหลด Statement ธุรกิจออกมาก็เช็คได้แล้ว ไม่เห็นจะน่าปวดหัวตรงไหนเลยจริงไหมคะ

เงินเข้า-ออก จากไหนบ้าง?
เงินเข้า-ออก จากไหนบ้าง?

แบ่งประเภทเงินเข้า-เงินออก

ถ้าเรารู้แล้วว่าจะหาข้อมูลเงินเข้าและออกได้จากช่องทางไหนบ้าง ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์กันต่อค่ะ ว่าเงินเข้าและออกนั้นแบ่งเป็นประเภทอย่างไรได้บ้าง

1. การดำเนินงานทั่วไป

ประเภทแรก เงินเข้าออกจากการดำเนินงานทั่วไป ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงเลยกับธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าเปิดร้านขายถุงเท้า ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เงินที่เข้ามาและออกไป ก็น่าจะมาจากกิจกรรมเหล่านี้

เงินเข้าจำนวนเงินออกจำนวน
ขายของหน้าร้าน
รับเงินจากการขายเชื่อ
รับเงินจาก Shopee, Lazada
รับเงินจากลูกค้า Preorder สินค้า
30,000
20,000
5,000
1,000
ซื้อถุงเท้าจากเมืองจีน
ค่าขนส่ง
ค่าจ้างลูกน้องเฝ้าร้าน
ค่าเช่าร้าน
ค่าน้ำ ค่าไฟ
ค่ายิงแอดโฆษณา
25,000
2,000
3,000
5,000
100
200
56,00035,300

จากนั้นอยากให้เพื่อนๆ ลองใส่ข้อมูลจำนวนเงินลงไป แล้วเปรียบเทียบกันดูสักหน่อยว่าเดือนนี้มีจำนวนเงินเข้ามากกว่าเงินออกอยู่หรือเปล่า ถ้ายังมากกว่าอยู่ แปลว่า สภาพคล่องจากการดำเนินงานยังดีอยู่ค่ะ

เงินสดดำเนินงาน
เงินสดดำเนินงาน

2. การลงทุน

ถัดมาเป็นเงินเข้าออกประเภทที่ 2 ที่เรียกว่า “การลงทุน”

การทำธุรกิจทุกคนย่อมหวังที่จะเติบโต สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้มากขึ้นทุกวันๆ จริงไหมคะ ทีนี้ถ้าดำเนินงานวันต่อวันแบบเดิมๆ ก็คงไม่ทำให้ธุรกิจขยายเติบโตได้แน่นอน ดังนั้น การลงทุนจึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เพิ่มเข้ามาในธุรกิจ และเจ้าของธุรกิจเองก็ต้องใส่ใจเกี่ยวกับกระแสเงินสดเข้าและออกด้วย

ยกตัวอย่าง เจ้าของร้านถุงเท้าร้านเดิม ที่เคยขายของอยู่ในตลาดจังหวัดนครปฐมแค่ 1 สาขา ตอนนี้เริ่มคิดว่าธุรกิจอยู่ตัวแล้ว เลยอยากเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในห้างประจำจังหวัด

เงินเข้าและเงินออกจากการลงทุนครั้งนี้มีอะไรบ้าง เราก็ลองมาใส่ข้อมูลในตารางนี้กัน

เงินเข้าจำนวนเงินออกจำนวน
ไม่มีค่ามัดจำค่าเช่าสาขา 2
ค่าตกแต่งร้าน
ค่าเงินประกันมิเตอร์น้ำ ไฟ
15,000
20,000
1,000
36,000

พอแบ่งประเภทเงินเข้าออกจากการลงทุนมาแล้ว จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเงินลงทุนนั้น มีทั้งหมด 36,000 บาท ซึ่งมีแต่เงินออกยังไม่มีเงินเข้ามา เพราะอาจจะเป็นช่วงเริ่มต้น

หลักการสำคัญของเงินสดออกประเภทเงินลงทุนนี้ คือ ก่อนจ่ายออกไป ต้องรู้นะคะว่าจะได้เงินกลับมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น สุดท้ายก็ได้รายได้จากการดำเนินงานกลับมาแบบ 2 เท่าตัว หรือ แม้ร้านนี้จะเจ๊ง ก็ยังคืนของ คืนที่ ได้เงินมัดจำกลับมาส่วนหนึ่งไม่ใช่หายไปทั้งหมด 100%

เงินสดลงทุน
เงินสดลงทุน

3. การจัดหาเงิน

นอกจากเงินสดเข้าออกจากการดำเนินงาน และการลงทุนแล้ว มีเงินเข้าออกอีกประเภทนึงที่ขาดไม่ได้ ก็คือ เงินเข้าออกจากการจัดหาเงิน

การจัดหาเงินคืออะไร? อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ค่ะ ก็คือ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืม หรือเอาเงินมาใส่ในธุรกิจเพิ่มนั่นแหละค่ะ

ปกติแล้วธุรกิจจะมีเงินเข้าได้จาก 2 ทาง คือ กู้เงินคนอื่น หรือ เจ้าของลงเงินเอง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีเงินออกไปจากธุรกิจด้วย ได้แก่ ดอกเบี้ยเงินกู้ การชำระเงินต้น การจ่ายเงินปันผลให้เจ้าของ

ยกตัวอย่าง เจ้าของร้านถุงเท้ารายนี้ มีเงินเข้า เงินออกจากเรื่องอะไรบ้าง ลองมาดูในตารางกัน

เงินเข้าจำนวนเงินออกจำนวน
ยืมเงินนอกระบบ
เงินส่วนตัวลงทุนเพิ่ม
5,000
5,000
จ่ายเงินต้น
จ่ายดอกเบี้ย
5,000
3,000
10,0008,000

จากตารางนี้ แม้ว่าเงินจะเข้ามากกว่าเงินออกก็จริง แต่ถ้าคิดตามดีๆ เงินที่เข้ามา 10,000 บาทนั้นมีแค่เงินต้นล้วนๆ แต่เงินออกไป มีทั้งต้นและดอก และที่สำคัญยังไม่ได้รวมเงินปันผลที่จะจ่ายในอนาคต แปลว่า เงินออกจากกิจกรรมนี้ ถ้าไม่บริหารให้ดี อาจเสียตังค์ฟรี เป็นดอกเบี้ยทุกๆสิ้นเดือน

การจัดหาเงิน
การจัดหาเงิน

สรุปเงินเข้าออก

เอาล่ะ พอเข้าใจวิธีการแบ่งประเภทเงินเข้าออกแล้วว่ามีทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ทีนี้ลองสรุปเงินเข้าและออกสำหรับเดือนนี้มาด้วย เพื่อจะได้เห็นภาพรวมว่าเงินเข้าและออกหักกลบกันแต่ละกิจกรรมเป็นเท่าใด และสุทธิแล้วมีเงินเข้ามากกว่าหรือน้อยกว่าเงินออกในแต่ละเดือน

กิจกรรมเงินเข้า-เงินออก
ดำเนินงาน
ลงทุน
จัดหาเงิน
20,700
-36,000
2,000
-13,300

จากตัวอย่างนี้ เราเห็นชัดเลยว่าเงินสดในเดือนนี้ติดลบ สาเหตุมาจากการลงทุนในร้านสาขา 2 ซึ่ง ในอนาคตเราก็ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี เพื่อให้เงินที่ลงทุนไปนั้นได้ผลลัพธ์กลับมาเป็นเงินสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ

สรุป เงินเข้า-ออก
สรุป เงินเข้า-ออก

==================

โดยสรุปแล้ว ถ้าเราเข้าใจว่าธุรกิจมีกระแสเงินสดเข้าและออกจากอะไรบ้าง และลองเปรียบเทียบกันเป็นประจำว่าเรายังมีเงินสดเข้า มากกว่า เงินสดออกอยู่ไหมในแต่ละกิจกรรม เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ทุกคนบริหารจัดการเงินสดได้ดีขึ้นค่ะ 

การวางแผนเงินสดเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ สำหรับธุรกิจ ถ้าใครยังไม่เคยลองวางแผน อย่าลืมใช้วิธีการนี้เป็นตัวช่วยนะคะ

ทำธุรกิจแล้ว อยากรู้เงินเข้าออกอยู่ตลอด ปรึกษาปัญหาบัญชี ติดต่อ

Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y

ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่

Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/

Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit

ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บบล็อก Zero to Profit ที่อยากให้เรื่องบัญชีเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวสำหรับเจ้าของธุรกิจ