มีคนเคยบอกว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” แต่คำพูดนี้อาจไม่ถูกต้องเสมอไป ถ้าเรากำลังพูดถึง “อายุสินค้า”
คนทำธุรกิจทุกคน น่าจะรู้ดีว่า ถ้าสินค้าอายุเยอะๆ ก็ยิ่งเสี่ยงขาดทุนสูง (ถ้าไม่ใช่สินค้าเฉพาะอย่างพวกเหล้า ไวน์) สาเหตุเพราะไม่มีลูกค้าคนไหน อยากได้สินค้าเก่า ตกรุ่นไปไว้ในครอบครองจริงไหมคะ
แล้วเจ้าอายุของสินค้านั้น มันคืออะไร เราจะคำนวณยังไง ต้องเอาข้อมูลมาจากไหนบ้าง วันนี้ Zero to Profit จะมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนค่ะ รับรองว่าถ้ารู้แล้ว สต็อกสินค้าทุกคนจะมีสุขภาพดีขึ้น และเถ้าแก่จะบริหารจัดการสินค้าได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
อายุสินค้าคืออะไร?
อายุของสินค้า คือ การประเมินเวลาที่เราถือสินค้าไว้ในคลังว่าเป็นจำนวนทั้งสิ้นกี่วัน เช่น 30 วัน 60 วัน 90 วัน หรือมากกว่า เพื่อจัดหมวดหมู่ว่าสินค้านั้นยังเป็นสินค้าหมุนเวียนเร็วไหม หรือหมุนเวียนช้า หรือแย่กว่านั้น ก็จะเป็นสินค้าล้าสมัย
การนับอายุของสินค้าแต่ละประเภทนั้น จะเริ่มนับต่างกันแบบนี้
- วัตถุดิบ = นับจากวันที่ซื้อเข้า จนถึงวันที่รายงาน (ถ้าเบิกไปผลิตแล้ว ไม่นับอายุ)
- งานระหว่างทำ = นับจากวันที่เริ่มเข้ากระบวนการผลิต จนถึงวันที่รายงาน (ถ้าผลิตเสร็จแล้ว ไม่นับอายุ)
- สินค้าสำเร็จรูป = นับจากวันที่ผลิตเสร็จ จนถึงวันที่รายงาน (ถ้าขายไปแล้ว ไม่นับอายุ)
รู้อายุของสินค้าแล้วดียังไง?
ข้อดีของการรู้อายุของสินค้าแต่ละชนิดช่วยให้เราบริหารจัดการคลังสินค้าได้ดีขึ้น เช่น
- รู้ว่าสินค้าอะไรเคลื่อนไหวช้า ล้าสมัย สินค้าใดหมุนเวียนเร็วบ้าง
- รู้ว่าต้องสั่งของมาเติมสต็อกเมื่อไร
- ทำให้วางแผนบริหารการหมุนเวียนสินค้าได้ดีขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายในการเก็บสินค้าเกินความจำเป็น
- ลดความเสี่ยงสินค้าขาดสต็อก ขาดโอกาสขายให้ลูกค้า
เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนน่าจะพอเห็นภาพว่าอายุ สินค้าคืออะไร และสำคัญยังไงแล้ว ต่อมาเราจะพาทุกคนมาลองคำนวณอายุ สินค้ากันค่ะ
วิธีการคำนวณอายุสินค้า Step-by Step
1.เตรียมข้อมูลสินค้าให้พร้อม
ข้อมูลที่ต้องเตรียมสำหรับการคำนวณอายุ สินค้า ได้แก่
- รายละเอียดสินค้า ประกอบด้วย รหัสสินค้า ล็อตสินค้า ชื่อสินค้า
- จำนวนสินค้าคงเหลือ
- ราคาสินค้าต่อหน่วย
- มูลค่าสินค้า
- วันที่ซื้อสินค้า
ถ้าใครมีระบบควบคุมสินค้าที่ดีก็จะมีข้อมูลเหล่านี้ในมือแบบสบายๆ ไม่ต้องไปควานหาให้ยากเลยค่ะ
2. แบ่งช่วงอายุ สินค้าที่อยากวิเคราะห์
การแบ่งช่วงอายุ สินค้าเป็นเรื่องที่จำเป็น และแต่ละกิจการอาจกำหนดช่วงอายุที่ต้องการวิเคราะห์แตกต่างกันค่ะ
จากตัวอย่างนี้ เราแบ่งช่วงอายุ สินค้าออกเป็น 5 ช่วง ดังต่อไปนี้
3. คำนวณจำนวนวันอายุของสินค้า
สูตรในการคำนวณจำนวนวันหรือ อายุของสินค้า (Inventory Aging) ให้คิดแบบนี้
อายุของสินค้า = วันนี้ – วันที่ซื้อ + 1
4. เช็คสัดส่วนสินค้าที่อยู่ในแต่ละช่วงอายุ
เมื่อคำนวณจำนวนวันของสินค้าได้แล้ว และรู้ว่าสินค้าแต่ละชนิด แต่ละล็อตนั้นมีอายุเท่าไร ข้อมูลตรงนี้อาจทำให้เราสับสนถ้ามีสินค้าจำนวนมาก ดังนั้น เราจึงควรสรุปมูลค่าสินค้าตามอายุ และคิดสัดส่วนสินค้าว่าแต่ละช่วงอายุมีสินค้าจำนวนเท่าไร และคิดเป็นเปอร์เซนต์เท่าไรกันนะ
5. วิเคราะห์เจาะลึกสินค้าอายุน้อย-มาก
ข้อสุดท้ายเป็นข้อที่สำคัญมากๆ เลย ก็คือ การวิเคราะห์สินค้าอายุน้อย-มาก เพื่อดูกว่าสินค้าชนิดไหนมีปัญหาบ้าง จากตัวอย่างนี้เป็นร้านขายผลไม้แช่แข็ง ถ้าลองวิเคราะห์สินค้าตามอายุ เราจะพบว่า
- มีสินค้าแค่ 2 ชนิดที่ขายดี อายุหมุนเวียนเร็วภายใน 30 วัน คิดเป็น 12% ของสินค้าทั้งหมด คือ แอปเปิ้ล และองุ่น
- สินค้าที่อายุเกิน 120 วันมีจำนวนทั้งสิ้น 597,424 บาท หรือ คิดเป็น 47% ของสินค้าทั้งหมด ของพวกนี้อาจเน่าเสียไปแล้วก็ได้
- สินค้าที่อายุตั้งแต่ 91-120 วัน มีจำนวน 320,098 บาท หรือ 25% ของสินค้าทั้งหมด ถึงแม้จะเก็บในห้องเย็น คุณภาพอาจจะไม่ดีแล้ว หรืออายุเท่านี้อาจเตรียมตัวเน่าเสียแล้ว ถ้าไม่หาทางระบาย
เห็นมั้ยคะว่า แค่เพียงเรารู้วิธีคำนวณอายุ สินค้า เราอาจจะเช็กได้เร็วขึ้นว่าสินค้าตัวไหนมีปัญหาและควรจะจัดการกับมันอย่างไรดี
ดาวน์โหลดไฟล์คำนวณอายุของสินค้าที่นี่ ฟรี
เอาล่ะ ทีนี้สำหรับคนที่อยากคำนวณอายุของสินค้าใจจะขาด แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ ทุกคนสามารถ Download ไฟล์คำนวณอายุของสินค้าจากลิงก์นี้ไปใช้งานได้เลย
และสำหรับใครที่มีสินค้าอายุเยอะๆ จำนวนมาก แล้วยังหาทางออกไม่ได้ เราแนะนำอ่านบทความนี้ต่อเลยค่ะ: สินค้าล้นสต๊อก ต้องจัดการยังไง
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit