ทำธุรกิจให้ดี “ไม่มีสูตรสำเร็จ” แต่ทุกธุรกิจที่สำเร็จ มีส่วนผสมหลักอย่าง “บัญชี” ซ่อนอยู่
เราอาจเคยได้ยินและได้ฟังเรื่องราวของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมามากมาย
ทุกเรื่องที่พวกเค้าเล่าไม่มีเรื่องไหนที่เหมือนกันสักเรื่อง ยกเว้น “เรื่องบัญชี”
คนที่ประสบความสำเร็จ บริหารธุรกิจได้ดี มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ให้ความสำคัญกับเรื่องบัญชีมาก และใช้ตัวเลขทางบัญชีช่วยวางกลยุทธ์การบริหารอย่างเสมอมา
และถ้าวันนี้เพื่อนๆ กำลังหา “ส่วนผสม” ที่ลงตัวของความสำเร็จในธุรกิจตัวเองอยู่ Zero to Profit มีตัวอย่างมุมมองเรื่องบัญชีของ 5 นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมาเล่าสู่กันฟัง
1.บัญชีเป็นภาษาของธุรกิจ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตำนานนักธุรกิจและลงทุนในหุ้นที่รวยที่สุดคนนึงของโลก แม้ว่าจะอายุกว่า 90 ปีแล้ว เค้ายังศึกษาเรื่องบัญชีด้วยตัวเองอยู่เสมอจากการอ่านหนังสือ และอ่านรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ จนถูกขนานนามว่า นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ชั้นแนวหน้าของโลก วอร์เรน กล่าวถึงแนวคิดเรื่องบัญชีไว้อย่างน่าสนใจว่า
“คุณต้องเข้าใจการบัญชี และคุณต้องเข้าใจความแตกต่างของการบัญชี บัญชีเป็นภาษาของธุรกิจและเป็นภาษาที่ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะเรียนรู้การบัญชี – วิธีอ่านและตีความงบการเงิน – คุณไม่ควรเลือกหุ้นด้วยตัวเองจริงๆ”
แน่นอนว่า การลงทุนถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของเราได้ แต่ถ้ารักที่จะลงทุน ก็ต้องรู้จักภาษาของธุรกิจ และ “บัญชี” ก็คือจุดเริ่มต้น ของความสำเร็จนี้
2.คำว่า “เถ้าแก่” ต้องรู้ทุกเรื่อง
“เจ้าสัวธนินท์” หรือ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรืออาณาจักรซีพี ตระกูลเจียรวนนท์เป็นตระกูลมหาเศรษฐีของไทยที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่ทำธุรกิจหลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อย่างกลุ่ม CP และธุรกิจโทรคมนาคมอย่าง True
กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เจ้าสัวธนินท์สร้างอาณาจักรธุรกิจมาด้วยการเรียนรู้และลงมือทำเอง และหนึ่งในเรื่องที่เถ้าแก่ต้องรู้นั่นก็คือ เรื่องบัญชีและการเงิน เจ้าสัวเคยกล่าวไว้ว่า
“ผมจึงชอบเรียนรู้ ทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนรู้แล้ววันนี้ผมมีข้อดีอยู่ว่า ผมเคารพนับถือคนหนุ่มสาว เด็กเพิ่งจบ เพราะผมรู้ว่าเด็กทุกคนเก่ง แล้วผมก็คัด บริษัทก็คัดหัวหน้านักเรียน พวกทำกิจกรรมมา แล้วก็ให้โอกาสเขา ให้เป็นเถ้าแก่น้อยเลย ทำไมให้เป็นเถ้าแก่ เพราะผมก็เคยทำเถ้าแก่เล็ก ทุกอย่างต้องรู้หมด ต้องรู้เรื่องบัญชี การเงิน รู้จักจัดซื้อ รู้จักขาย เพราะเรายังเล็ก ไปจ้างคนเก่งๆ เขาก็ไม่มา ถ้าไปจ้างคนไม่เก่งก็สู้เราไม่ได้ ฉะนั้น คำว่า “เถ้าแก่” ต้องรู้ทุกเรื่อง แต่พอธุรกิจใหญ่ขึ้น เราก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เราก็จ้างเขาไหว เขาก็อยากจะมา ดีทั้งคู่ ตอนที่เรายังเล็กอยู่ คนเก่งเราก็จ้างเขาไม่ไหว มันก็เล็กเกินไปสำหรับความสามารถเขา ดังนั้น ผมตั้งเป็นเถ้าแก่น้อย พอ 6 เดือนขึ้นมาเป็นเถ้าแก่เล็กแล้ว ปีนึงเป็นเถ้าแก่กลางได้แล้ว ถ้ามีผลงาน”
3.เทคนิคตัวเบา
ผู้บริหารไฟแรง เจ้าของแบรนด์ “ศรีจันทร์” เครื่องสำอางสัญญาติไทยอายุว่า 60 ปี คุณแทป–รวิศ หาญอุตสาหะ ที่ปลุกชีวิตแบรนด์ให้มานั่งในใจคนไทยอีกครั้ง กล่าวถึงเทคนิคบัญชีที่ช่วยบริหารธุรกิจในช่วงวิกฤตไว้ว่า
“การใช้เทคนิค “ตัวเบา” กล่าวคือ องค์กรที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก ควรลดการถือครองทรัพย์สินให้มากที่สุด เพื่อลดภาระและลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ”
ทรัพย์สินหรือสินทรัพย์ ในทางบัญชีถึงแม้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเราก็จริง แต่สินทรัพย์พวกนี้หมายถึง การจ่ายเงินสดก้อนโตออกไปล่วงหน้า และอาจมีภาระค่าใช้จ่ายบวกกับความเสี่ยงในอนาคต อย่างเช่น ค่าประกันภัย ค่าซ่อมแซม ค่าบำรุงรักษา
ถ้าวันนี้ใครกำลังเจอวิกฤตเงินจม และภาระหนักอึ้งจากสินทรัพย์ที่แบกไว้ ลองใช้เทคนิคตัวเบาของคุณแทปเป็นแนวทางฝ่าวิกฤตก็ได้นะ
4.อย่ามองแต่งบดุล ต้องดูที่กระแสเงินสดด้วย
คุณโชค บูลกุล เจ้าของ “ฟาร์มโชคชัย” ที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ที่เป็นที่รู้จักในวันนี้ ในอดีตธุรกิจของเค้าเคยประสบปัญหาหนี้สินจากการทำธุรกิจกว่า 400-500 ล้านบาท คุณโชคเลือกที่จะขายธุรกิจออกไปบางส่วนเพื่อรักษาฟาร์มไว้ จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครๆ ก็ต้องแวะ เค้าได้พูดถึงวิธีจัดการหนี้ก้อนโตไว้ว่า
“วิธีการจัดการหนี้ 400-500 ล้านบาทเราต้องตัดขายทรัพย์สินเราต้องเลือกว่าจะขายธุรกิจบางส่วนที่เราแข่งขันไม่ได้และเลือกเก็บธุรกิจที่เป็นจุดแข็งของเราซึ่งเราอย่าไปมองแต่เรื่องงบดุลแต่ต้องดูที่กระแสเงินสดที่แน่ๆ ต้องมีรายได้มากกว่ารายจ่าย”
5.ต้องขายก่อนยิง
ไทยคม สามารถพลิกฟื้นธุรกิจจากขาดทุนหลายร้อยล้านในเวลา 5-6 ปี ติดต่อกันให้กลับมามีกำไร ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร อย่างคุณแต๋ม ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันเป็น CEO ที่ดุสิตธานี
คุณแต๋มมีพื้นฐานด้านบัญชีและการเงินมาอยู่ก่อนแล้ว และจากประสบการณ์บริหารจากพื้นฐานบัญชี ทำให้เธอพาไทยคุมพลิกกลับมามีกำไรได้ภายใน 3 เดือน
“ข้อดีของดิฉันคือ มีความสามารถในเรื่องบัญชีมาก่อน เมื่อได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น ก็จะทราบไวขึ้นว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร”
หนึ่งในกลยุทธ์ใหม่ของไทยคมในตอนนั้นทำให้บริษัทมีกำไรและสร้างกระแสเงินสดกลับมาได้ คุณแต๋มเล่าว่า
“ธุรกิจดาวเทียมโดยปกติแล้วจะสร้างดาวเทียมขึ้นมาและก็จะไปหาตลาดที่ขายอีกในอนาคต ซึ่งไทยคมเดิมในอดีตก็เป็นเช่นนั้น การลงทุนดาวเทียมแต่ละดวงสูงมากจาก 8000 ล้านบาท ถึง 10,000 ล้านบาทต่อดวง ถ้าเรายิงดาวเทียมโดยไม่มีลูกค้ารองรับก็จะอาจจะเกิดขาดทุน และมีปัญหาในเรื่องเงินทุนหมุนเวียน ฉะนั้นก็เลยมีนโยบายใหม่คือว่า ต้องขายก่อนยิง แม้ว่าจะทำยากแต่ก็ต้องก้าวข้ามให้ได้ ตอนนี้ไทยคมจึงเน้นขายก่อนยิง”
อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าใครยังไม่มั่นใจว่า ธุรกิจเราจะมีส่วนผสม “ความสำเร็จ” แบบเดียวกับพวกเค้าทั้ง 5 บ้างมั้ย ไม่เป็นไรเลยค่ะ
แต่ถ้าเมื่อไรเพื่อนๆ พบ “สูตรความสำเร็จ” ของธุรกิจตัวเองแล้วล่ะก็ อย่าลืมมาแชร์กันบ้างนะว่ามี “เรื่องบัญชี” เป็นส่วนประกอบหลักในธุรกิจของเพื่อนๆ บ้างหรือเปล่า
ขอบคุณที่มา:
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1925625
https://www.brandbuffet.in.th/2018/07/choak-bulakul-farm-chokchai-success-story/
https://www.youtube.com/watch?v=q_DHJ3WeJqA
https://www.posttoday.com/politic/report/379152
https://thaipublica.org/2013/06/suphajee-suthumpun/
https://workpointtoday.com/thanin-cp-1-day-glad-success-book2/
ขอบคุณรูปภาพจาก:
https://readthecloud.co/choak-bulakul/
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit
