1.ค่าใช้จ่ายไม่มีใบเสร็จ
จ่ายเงินให้ใครต้องใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ทั้งหมด แต่เงื่อนไขสำคัญของการใช้ประโยชน์ทางภาษี คือ ต้องมีหลักฐานการรับเงิน หรือ “ใบเสร็จรับเงิน” ให้ครบถ้วน
ถ้าอยากซื้อของกับเจ้านี้ แต่เค้าไม่มีใบเสร็จรับเงินให้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เราอาจจะต้องย้อนกลับมาทบทวนแล้วล่ะว่าควรซื้อของกับซัพพลายเออร์ที่มีใบเสร็จรับเงินเจ้าอื่นดีไหมนะ
เพราะคนที่เสียเปรียบถ้าหากดันทุรังซื้อของจากเจ้านี้ คือ ตัวเราเองที่ไม่สามารถเอารายจ่ายไปใช้เป็น “ค่าใช้จ่ายทางภาษี” ได้ เนื่องจากขาดเอกสารหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ที่เล่าไปนั้น เราเน้นสำหรับค่าใช้จ่ายมูลค่าสูง เช่น ซื้อสินค้า จ้างเหมาก่อสร้าง ส่วนค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น พวงมาลัยถวายศาลพระภูมิ เราใช้เอกสารเบิกเงินสดย่อยเป็นหลักฐานทดแทนได้นะ
อ่านเพิ่มเติม ซื้อของไม่ได้ใบเสร็จแก้ไขยังไง? ได้ที่นี่
2.ค่าใช้จ่ายคนรับเงินไม่ยอมให้หัก ณ ที่จ่าย
เจ้าของธุรกิจทั้งหลายคงเคยได้ยินคำว่า “หัก ณ ที่จ่าย” อยู่บ่อยๆ ซึ่งมันหมายถึง การหักเงินบางส่วนเพื่อนำส่งสรรพากรตอนที่เราจ่ายค่าบริการ/ค่าจ้าง/ค่าเช่าให้กับผู้รับเงิน
แต่ในชีวิตจริง เรื่องมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะว่าคนรับเงินบางคนก็ ไม่ย้อม ไม่ยอม ให้เราหัก ณ ที่จ่าย ส่วนนี้ เพราะพวกเค้าอยากรับเงินเต็มๆ หรือไม่อยากให้สรรพากรรู้ว่ามีรายได้นะ
ความยากลำบากเลยตกเป็นของคนจ่ายเงินอย่างพวกเราที่ต้องคอยแก้ปัญหา ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะโดนตรวจเจอว่าเราไม่ได้ทำตามเงื่อนไขที่สรรพากรบอกไว้นะ
ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใคร อยากบอกไว้เลยว่า…ถ้าเลือกได้ อย่าไปจ้างซัพพลายเออร์เจ้านี้มาทำงานด้วยเลยเสียดีกว่า ไปหาคนที่ยอมให้เราหัก ณ ที่จ่ายถูกต้องตามกฎหมายชีวิตจะง่ายกว่าเดิมเย๊อะ
3.ค่าใช้จ่ายแบบไม่มีแผน
เรื่องที่คนทำธุรกิจหลายคนพลาด คือ การจ่ายเงินแบบไม่มีแผน
การวางแผนค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำธุรกิจ ถ้าจ่ายเงินออกไปแล้วไม่มีแผนงาน ไม่มี Budget รองรับ สุดท้ายแล้วอาจทำให้เราขาดทุนแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะไม่รู้ว่าใช้จ่ายเงินไปมากกว่าที่ควรจะเป็นหรือเปล่า
ดังนั้น วิธีสกัดจุดการขาดทุนที่ดีที่สุด คือ การตั้ง Budget หรือแผนงบประมาณการใช้เงิน ว่าปีนี้ทั้งปีเราตั้งเป้าจะมีรายจ่ายใดบ้าง จำนวนเท่าใด และเพราะอะไร
เนื่องจากเราก็อยากพัฒนาธุรกิจต่อไปเรื่อยๆ แต่เงินเรามันมีจำกัด จึงต้องใช้เงินให้เป็นประโยชน์ที่สุดด้วยการวางแผนไงล่ะ
4.ค่าใช้จ่ายที่วัดผลไม่ได้
ค่าใช้จ่ายที่วัดผลลัพธ์ไม่ได้ เป็นรายจ่ายที่อาจไม่มีประโยชน์จริงๆ กับธุรกิจ
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราจ่ายเงินเดือนพนักงาน = ผลลัพธ์ที่วัดได้น่าจะเป็นเนื้องานที่พนักงานช่วยแบ่งเบา
ถ้าจ่ายค่าการตลาด = ผลลัพธ์ที่วัดได้ก็อาจจะเป็นยอดขายที่เข้ามาในธุรกิจ
แต่ถ้าเราจ่ายค่าอะไรไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะวัดผลได้อย่างไร และลังเลว่ามันมีประโยชน์ต่อธุรกิจจริงมั้ย รายจ่ายนั้นมันอาจจะไม่เหมาะที่จะจ่ายออกไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
5.ค่าปรับ
ค่าปรับ คือ รายจ่ายที่เกิดจากการไม่ทำตามกฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นค่าปรับเรื่องใด นอกจากที่เราจะหัวเสียกับรายจ่ายนี้แล้ว มันยังเป็นรายจ่ายที่ไม่มีธุรกิจไหนได้ประโยชน์จากมันเลย
ยกตัวอย่างเช่น
- ค่าปรับจากการไม่เข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อรายได้สูงเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
- ค่าปรับจากการยื่นงบการเงินล่าช้า
- ค่าปรับจากการยื่นภาษีล่าช้า
ถ้าเจ้าของธุรกิจคนไหนเจอค่าปรับแบบนี้บ่อยๆ ต้องตั้งคำถามกับตัวเองแล้วล่ะ ว่าเราเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตัวเองดีมากน้อยขนาดไหน แล้วเราจะทำอย่างไรไม่ให้มีค่าปรับต่างๆ เกิดขึ้นในอนาคต
5 ประเภทค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรมีเลยในธุรกิจ ถ้าใครลองสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีค่าใช้จ่ายเหล่านี้เยอะ อย่าลืมหาเวลาจัดการ สะสางสิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อย เพราะ “รายได้” ที่หาได้มาจะได้แปรเปลี่ยนมาเป็น “กำไร” มากกว่าไปเป็น “ค่าใช้จ่าย” ที่ไม่มีทั้งหลักฐาน-ไม่มีประโยชน์-และมีแต่ผลเสียกับธุรกิจในที่สุด
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit