ตั้งแต่เปิดเพจมา หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่เรามักได้มาจากเจ้าของธุรกิจบ่อยๆ คือ คำถามที่ว่า “ค่าเสื่อมราคาคืออะไร”
1. ก่อนที่จะไปอธิบายเรื่องค่าเสื่อมราคา สิ่งที่เราอยากจะบอกทุกท่านให้ทำความเข้าใจกันก่อนลำดับแรกคือ บางครั้งค่าใช้จ่ายของธุรกิจก็ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการจ่ายเงินสดออกไป
ค่าเสื่อมราคาเองก็เช่นกัน มันคือ “ค่าใช้จ่าย” ของธุรกิจที่เกิดขึ้นแบบเงียบๆ และที่สำคัญเราไม่ได้จ่ายเงินออกไปสักกะบาทตอนที่มันเกิด
ศัพท์บัญชีเราเรียกรายการนี้ว่า “Non-cash Item”
2. ถัดมาเราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกันสักนิดว่า “ค่าเสื่อมราคา” เนี่ยมันมักจะเกิดขึ้นกับใคร
ค่าเสื่อมราคามันมีลักษณะเฉพาะตัว เพราะมันจะเกิดขึ้นกับ “สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน” เท่านั้น
ทบทวนกันก่อน สินทรัพย์ พวกเราน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นสมบัติของธุรกิจที่สร้างประโยชน์เข้ามาในอนาคต
และในส่วนของสินทรัพย์เอง แบ่งออกเป็น สินทรัพย์ระยะสั้น และสินทรัพย์ระยะยาว
สินทรัพย์ระยะสั้นและระยะยาว วิธีการแบ่งออกจากกันง่ายๆ คือ ถ้ามันให้ประโยชน์ภายใน 1 ปีก็จัดเป็นสินทรัพย์ระยะสั้นไป ส่วนอะไรที่ให้ประโยชน์หรือเปลี่ยนเป็นเงินได้มากกว่า 1 ปีเราก็จัดเป็นสินทรัพย์ระยะยาว
หมายเหตุ ในบางครั้งสินทรัพย์ระยะยาว มีชื่อเล่นว่า สินทรัพย์ถาวร ถ้าเจอสองคำนี้ อย่าตกใจนะเพราะมันมีความหมายแบบเดียวกัน
ค่าเสื่อมราคาคืออะไร?
ขอยกตัวอย่างแบบนี้เพื่อให้เห็นภาพ
นาย Zero ซื้อตึกแถวมาทำธุรกิจ>>> ตึกนี้ = สินทรัพย์ระยะยาว เราคาดว่าธุรกิจจะใช้เป็นสำนักงานได้นาน 5 ปี
ราคาที่ซื้อตึกมา = 5 ล้านบาท >> ราคานี้เรียกว่า ราคาทุน = 5 ล้านบาท ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรราคานี้ก็ยังเป็นราคาทุน 5 ล้านบาทเท่าเดิม
แต่ๆ เราเคยเรียนมาแล้วว่าตึกนี้ถ้าเป็นสินทรัพย์ระยะยาว อายุใช้งานนานกว่า 1 ปีมันจะมีค่าใช้จ่ายที่ว่า “ค่าเสื่อมราคา” เกิดขึ้น
“ค่าเสื่อมราคา” หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพ สึกหรอ ลดประโยชน์ไปตามกาลเวลาของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ซึ่งนักบัญชีพยายามจะหาวิธีคำนวณค่าเสื่อมราคาตัวนี้ และรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานเพื่อที่ว่างบการเงินจะได้แสดงค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกปีๆ อย่างสม่ำเสมอ
จริงๆ แล้ว วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา มีด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายและนิยมใช้กันมากที่สุดบนโลกใบนี้ คือ วิธีเส้นตรง
มาดูตัวอย่างกัน
ซื้อตึกมาราคาทุน 5 ล้านบาท คาดว่าจะใช้งานได้ 5 ปี ค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีจะคำนวณแบบง่ายๆ ได้ตามนี้
ค่าเสื่อมราคาต่อปี = (ต้นทุนตึก – ราคาซาก)/อายุการใช้งาน
= (5,000,000-0)/5
= 1 ล้านบาท
แปลว่าในทุกๆ ปี ธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเป็นค่าเสื่อมราคา 1 ล้านบาทต่อปี
และค่าเสื่อมราคาเองจะสะสมไปเรื่อยๆ เช่น
- ปลายปีที่ 1 มีค่าเสื่อมราคาสะสม 1 ล้าน
- ปลายปีที่ 2 มีค่าเสื่อมราคาสะสม 2 ล้าน
- ปลายปีที่ 3 มีค่าเสื่อมราคาสะสม 3 ล้าน
ตัวค่าเสื่อมราคาสะสมนั้น จะไปหักกลบกับต้นทุนตึก 5 ล้านบาท ทำให้มูลค่าของตึกเหลืออยู่ในแต่ละปีลดลงไปเรื่อยๆ ตามนี้
- ปลายปีที่ 1 มูลค่าตึกเหลือ = 5-1 = 4 ล้าน
- ปลายปีที่ 2 มูลค่าตึกเหลือ = 5-2 = 3 ล้าน
- ปลายปีที่ 3 มูลค่าตึกเหลือ = 5-3 = 2 ล้าน
สุดท้ายตึกนี้จะถูกลดมูลค่าลงไปจนกระทั่งปีที่ 5 จะไม่มีมูลค่าทางบัญชีเหลือเลย เหมือนตัวตึกในภาพที่ค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ ทุกปีทุกปี
ทั้งหมดนี้เป็นการอธิบายเรื่องค่าเสื่อมราคาแบบง่ายๆ ที่ทำให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจค่าใช้จ่ายตัวนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่ในความเป็นจริงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา อาจมีราคาซากที่มากกว่า 0 บาท และอายุการใช้งานอาจแตกต่างกันไปแล้วแต่การประเมิน ซึ่งทั้งหมดนี้นักบัญชีช่วยเราคำนวณได้ไม่ยากเลย
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit