1.ชักหน้าไม่ถึงหลัง
อาการชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์เงินเดือนเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น (แฮ่…รู้นะว่านายก็เป็นแบบเรา)
แต่อาการชักหน้าไม่ถึงหลัง อาจเกิดได้กับธุรกิจเช่นกัน ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ เมื่อเงินที่รับมาในเดือนมันไม่เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในธุรกิจไปจนถึงสิ้นเดือน แบบนี้เรียกว่า ธุรกิจกำลังประสบปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือเริ่มจะขาดสภาพคล่องในธุรกิจแล้ว
ถ้าใครกำลังเจอปัญหาแบบนี้ รีบตั้งสติดีๆ แล้วเริ่มแก้ไขปัญหาไปทีละเปราะไป
2.รายได้ลดลง รายจ่ายเพิ่ม
ถ้าสังเกตว่าในช่วงนี้รายได้ของธุรกิจลดลง สวนทางกับรายจ่ายของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ นี่เป็นสัญญานบ่งบอกว่า เรากำลังมีกำไรจากธุรกิจลดลงเรื่อยๆ
แล้วถ้าไม่รีบแก้ไขปัญหาให้ช่องว่างระหว่างรายได้ ห่างออกจาก รายจ่าย เมื่อนั้นเราอาจจะต้องปิดธุรกิจไปโดบปริยาย เพราะการเสี่ยงทำธุรกิจทั้งๆ ที่ขาดทุนอาจจะพออยู่ได้ในช่วงแรกๆ เพราะยังมีเงินเก่าเก็บคอยหนุน แต่ในระยะยาวถ้าสายป่านไม่ยาวพอ ร้อยทั้งร้อยต้องถอยจากธุรกิจนี้ทั้งนั้น
3.ลูกค้าคืนของบ่อยๆ
ขายของแล้วลูกค้าขอคืนของบ่อยๆ มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ 2 เรื่อง
- สินค้าเรามีปัญหาหรือไม่ ทุกครั้งที่ลูกค้าขอคืนของอาจจะต้องย้อนกลับมามองว่า สาเหตุที่แท้จริงของการคืนของเกิดจากอะไร เช่น สินค้าชำรุด ใช้งานไม่ได้ ขายแล้วไม่ตรงปก ปัญหาเหล่านี้ควรรีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรัง เราเองอาจจะต้องมานั่งปวดหัวกับการจัดการของคืน
- มีรายจ่ายเพิ่มเติมไหม การคืนของนอกจากจะทำให้คนขายเซ็ง แล้วอาจจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพิ่มเติม อย่างเช่น ค่าขนส่งรับของคืน หรือถ้ายิ่งสินค้าที่รับคืนเป็นของชำรุด ใช้งานไม่ได้ ขายต่อไม่มีคนเอา ก็เท่ากับว่าเกิดรายจ่ายเท่ากับมูลค่าต้นทุนสินค้าในงบการเงินทันที แล้วถ้าใครจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ของพวกนี้ก็ทิ้งขยะไม่ได้อีก ต้องทำหนังสือแจ้งสรรพากรว่าจะทำลาย กลายเป็นว่า นอกจากมีรายจ่ายค่าของเสียแล้วยังมีรายจ่ายเพิ่มเติมในส่วนการทำลายด้วยเช่นกัน
4.ทำโปรเท่าไรก็ขายไม่ออก
ขายของไม่ออก ก็ต้องออกโปร แต่ถ้าทำโปรเท่าไรก็ยังขายไม่ออก อาจจะต้องกลับมานั่งวิเคราะห์สินค้าของเราแล้วว่ามีปัญหาอะไรไหม หรือว่าราคาที่ตั้งไว้ยังสูงเกินไปกว่าคุณค่าที่มอบให้ลูกค้าหรือเปล่า
การออกโปรโมชั่น ถือเป็นรายจ่ายของธุรกิจอย่างนึง ที่เรียกว่า ค่าใช้จ่ายในการขาย เช่น ซื้อ 1 แถม 1 เงินต้นทุนสินค้าในส่วนที่แถมจะเรียกว่า ค่าใช้จ่ายในการขาย
เพราะฉะนั้นถ้าเราออกโปรโมชั่นแบบมั่วๆ แบบไม่สนใจสินค้าหรือไม่สนใจว่าจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเท่าไร สุดท้าย อาจจะกลายเป็นสัญญานไม่ดีสำหรับธุรกิจอีกด้วย
5.ลูกหนี้ค้างนาน
ขายได้ดีแต่ลูกหนี้ค้างนานเป็นสัญญานอันตรายบ่งบอกว่าเราอาจได้รับเงินสดช้า หรือถ้าโชคร้ายสุดๆ อาจไม่ได้รับเงินจากลูกค้าเลยก็ได้ กรณีที่ลูกหนี้ค้างนานเป็นพิเศษ เช่น นานเกินกว่า 60 – 90 วัน เราอาจจะต้องหาวิธีทีแก้ไขว่าทำอย่างไรจึงจะเก็บเงินได้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของธุรกิจ
6.สินค้าค้างนาน
สินค้าอายุค้างนาน ขายไม่ออกมีความเสี่ยงทั้งในฝั่งรายได้ และสินค้าเหล่านี้อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยไม่รู้ตัว หากใครเจอปัญหาเช่นนี้อย่าลืมสำรวจให้ดีว่าเกิดจากสินค้าตัวไหน และอย่าลืมหาวิธีระบายสินค้าตัวนี้ออกไปให้เรียบร้อย ก่อนที่จะกลายเป็นภาระในอนาคต
7.หนี้สินล้น
สัญญานอันตรายอีกรูปแบบหนึ่ง คือ หนี้สินล้น ยิ่งนับวันยิ่งเพิ่ม และเป็นภาระของกิจการที่แบกรับไว้ ถ้าเป็นหนี้สินจากเจ้าของธุรกิจอาจพอผลัดชำระได้ แต่ถ้าเป็นหนี้สินจากธนาคารหรือบุคคลที่ 3 แม้จะผัดผ่อนชำระอย่างไรกิจการก็ยังมีภาระที่จะต้องชำระเงินคืน พร้อมดอกเบี้ยจำนวนสูงอยู่ดี
ถ้ากิจการไหนกำลังเจอปัญหาแบบนี้ อาจจะต้องวางแผนจ่ายชำระให้รัดกุมและพยายามอย่าสร้างหนี้เพิ่มอีกในอนาคต
8.เริ่มขายของเก่ากิน
คำว่าขายของเก่ากินในที่นี้ หมายถึง การขายสินทรัพย์อย่างเช่น พวกเครื่องจักร โรงงาน ที่ดินในนามธุรกิจออกไป เพื่อหาเงินสด สร้างสภาพคล่อง วิธีนี้อาจจะดูเป็นวิธีที่ทำเงินได้ง่าย แต่ว่าในทางกลับกันมันบอกว่าของเก่าพวกนี้มีไว้แล้วไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ธุรกิจเท่าที่ควรจะเป็น และที่สำคัญขายของเก่าทิ้งไปย่อมไม่ได้กำไรมาเท่าใดนัก
แต่มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่เริ่มจะไปไม่รอดก็ได้
9.เจ้าของต้องเติมเงินเข้าธุรกิจอยู่บ่อยๆ
เมื่อเงินสดในธุรกิจเริ่มหมด แหล่งเงินที่ดีที่สุด คือ เจ้าของธุรกิจ ถ้าใครเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วต้องเติมเงินเข้าไปบ่อยๆ เช่น การเรียกเพิ่มทุน หรือการให้ธุรกิจกู้ยืมเงินเพิ่ม แบบนี้เป็นสัญญานบ่งบอกว่าธุรกิจกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่อย่าลืมว่าบางครั้งเราก็อาจเจ็บตัวเองก็ได้ และในที่สุดธุรกิจและตัวเจ้าของเองอาจจะล้มไม่เป็นท่า ถ้าไม่หยุดเติมเงินเข้าบริษัท หรือว่า stop loss ก่อนปัญหาจะลุกลาม
10.เอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน
การเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อนทำได้อย่างไร? ถ้าลองสังเกตธุรกิจก่อนเจ๊ง พวกเค้ามักจะขอเงินจากลูกค้ามาไว้ล่วงหน้าเยอะๆ เช่น ขาย voucher ร้านอาหารล่วงหน้าราคาถูก หรือเก็บเงินล่วงหน้าก่อนการบริการจริง
วิธีนี้เงินที่ได้รับเข้ามาจะถือเป็นหนี้สินของธุรกิจที่เพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับเงินสด ถ้าใครบริหารเงินล่วงหน้าก้อนนี้ไม่ดี อาจทำให้ระบบการเงินล้มเหลวทั้งระบบแล้วเราอาจจำเป็นต้องล้มทั้งยืน และล้มแล้วยังมีเจ้าหนี้หรือลูกค้ามาคอยรุมทึ้ง เรียกร้องขอคืนเงินหรือว่าขอคืนค่าบริการที่พวกเค้าจ่ายมาให้กับเราก็เป็นได้
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit