“พี่อยากเปลี่ยนสำนักงานบัญชีว่ะ พี่เริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี?”
คำถามแนวนี้มีมาอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานด้านบัญชีมา…และคิดว่าจะมีอยู่ตลอดไป ถ้าธุรกิจยังต้องทำบัญชี5555
เอาล่ะ…แอดมินเองก็เชื่อว่าในช่วงชีวิตการทำธุรกิจ เพื่อนๆ เองก็อาจจะมีโมเมนท์ที่อยากจะเปลี่ยนสำนักงานบัญชีกันบ้างล่ะ
บทความนี้แอดมินเลยจะมาแนะนำวิธีคิดและเริ่มต้นเปลี่ยนสำนักงานบัญชีแบบที่ไม่ต้องทรมานกันทั้งสองฝ่ายมาให้ลองอ่านกัน
1.ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าอยากเปลี่ยนสำนักงานบัญชีเพราะอะไร?
ก่อนที่จะไปบอกเลิกสำนักงานบัญชีเก่าแล้วเริ่มหาสำนักงานบัญชีใหม่ ควรตอบคำถามนี้ให้ได้ว่า “เพราะอะไร…ทำไมถึงอยากเปลี่ยนสำนักงานบัญชี?”
สาเหตุของการเปลี่ยนสำนักงานบัญชีอาจมีหลากหลาย เช่น
- ไม่พอใจในการบริการ
- ค่าทำบัญชีแพงเกินไป
- ผู้ทำบัญชีช้า
- ผู้ทำบัญชีทำงานไม่ถูกต้อง
ข้อดีของการตอบตัวเองให้ว่าอยากเปลี่ยนเพราะอะไร มันจะช่วยให้เราหาสำนักงานใหม่ที่ตอบโจทย์ธุรกิจตัวเองได้มากขึ้น โดยไม่ให้ราคาค่าบริการมาจูงใจเรานัก เพราะสุดท้ายถ้าอยากได้บริการที่ตอบโจทย์ การดูแค่ราคาค่าทำบัญชีต่อเดือนมันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
2.บอกสำนักงานบัญชีเก่าล่วงหน้า
ถึงแม้จะเลิกทำบัญชีกับเจ้าเก่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องโกรธกันตลอดไป ถ้าตัดสินใจอยากเลิกทำบัญชีกับเจ้าเดิมควรบอกสำนักงานบัญชีเก่าตามตรง และควรบอกเค้าล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 1-2 เดือน เพื่อที่ว่าสำนักงานบัญชีเก่าจะได้เคลียร์งานเพื่อส่งต่อที่ใหม่ได้
และที่สำคัญอย่าลืมบอกสำนักงานเจ้าเก่าว่า อาจจะมีสำนักงานใหม่ติดต่อมาเพื่อสอบถามข้อมูล รบกวนช่วยให้คำแนะนำหน่อย วิธีแบบนี้ฝั่งเราเองก็วินเพราะไม่ต้องมานั่งอธิบายงานใหม่ (เอาจริง..เราเองก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน เพราะมันเฉพาะทางบัญชีแบบสุดๆ) และในฝั่งสำนักงานบัญชีใหม่ก็ไม่ต้องมาเสียเวลาเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่แรก ทำให้ประหยัดเวลาทำงานขึ้นไปอีก
แต่สำหรับเพื่อนคนไหนที่จบกับสำนักงานบัญชีเดิมแบบไม่สวย เหมือนละครหลังข่าว เราแนะนำให้ข้ามไปขั้นที่ 3 เพื่อขอเอกสารมาให้ครบถ้วนกันเลย
3.ขอข้อมูลให้ครบถ้วน
เอกลักษณ์ของงานบัญชีคือ มันมี story ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ ฉะนั้น ข้อมูลบัญชีเก่าจึงสำคัญมากสำหรับสำนักงานบัญชีใหม่
ข้อมูลในปีก่อน ที่เจ้าของธุรกิจควรขอจากสำนักงานบัญชีเก่าให้ครบถ้วนมีอย่างน้อยตามนี้ (ถ้าอ่านลิสทั้งหมดนี้ไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่ต้องมั่นใจว่าเราได้รับข้อมูลมาครบถ้วนเท่านั้นพอ)
- ทดลองปีก่อน
- รายการแยกประเภทของปีก่อน
- กระดาษทำการต่าง ๆ ที่แสดงรายละเอียดยกยกมาในงบแสดงฐานะการเงิน เช่น Bank Reconciliation, รายงานอายุลูกหนี้, รายงานอายุเจ้าหนี้, รายงานสินค้าคงเหลือ, ทะเบียนสินทรัพย์ เป็นต้น
- งบการเงินที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบแล้ว
- แบบภาษีต่างๆ
- รหัสผ่านในการยื่นงบการเงินกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและยื่นภาษีกับกรมสรรพากรแบบออนไลน์
แต่ๆ มันก็มีเคสที่ว่าเราติดต่อสำนักงานบัญชีเก่าไม่ได้เลยว่ะ จะทำยังไงดี วิธีแก้ปัญหาอาจจะต้องใช้ความพยายามขึ้นอีกนิดคือ
ให้สำนักงานบัญชีใหม่ไปขอคัดข้อมูลบางส่วนจากกรมพัฒก์และสรรพากรได้ อย่างเช่น งบการเงิน แบบภาษีต่างๆ แต่ข้อมูลที่เหลือ ถ้าเราเองไม่ได้มีเก็บไว้ เราก็อาจจะต้องทำงานกันหนักหน่อย เพื่อหาข้อมูลยอดยกมาให้ครบถ้วน
ท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนสำนักงานบัญชีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับธุรกิจ แต่ถ้าจะเปลี่ยนทั้งทีลองดูดีๆ ก่อนเปลี่ยนว่า เปลี่ยนไปแล้วจะตอบโจทย์เราไหม และข้อมูลธุรกิจจริงๆ ควรเก็บอยู่ที่ใครกันแน่ และสุดท้ายนี้หวังว่าเพื่อนๆ จะโชคดีกับการเริ่มต้นใหม่ค่ะ
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit