ก่อนทำโปรโมชั่น เจ้าของธุรกิจต้องเข้าใจอะไรบ้าง

ก่อนทำโปรโมชั่น เจ้าของธุรกิจต้องเข้าใจอะไรบ้าง

“อยากกระตุ้นยอดขาย…ง่ายๆ ก็แค่ทำโปรโมชั่น รุ่นพี่ในชั้นเรียนธุรกิจสอนผมมางี้”

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำโปรโมชั่นมันดีจริงไหม แล้วก่อนทำโปรโมชั่นเราต้องรู้อะไรบ้าง

นอกเหนือจากยอดขายที่คาดว่าจะได้รับ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำโปรโมชั่นเรียกลูกค้ามีอะไรบ้าง เราลองมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

1. ตั้งราคาเผื่อส่วนหรือยัง?

อยากให้ส่วนลดลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่แม่จ๋า อย่าลืมตั้งราคาสินค้าให้มันพอมีช่องว่างสำหรับการทำโปรโมชั่นด้วยนะจ๊ะ

ยกตัวอย่างเช่น

ขายครีมตั้งราคาไว้ 100 บาท อยู่มาวันดีคืนดีอยากทำโปรลดราคา 7.7 ลดกระหน่ำประจำหน้าฝนที่ 20%

สุดท้าย รายได้ที่รับต่อชิ้น = 100 -20 = 80 บาท

แต่ลืมคิดไปว่า ที่เรารับครีมมาก็ราคาต้นทุนตั้ง 75 บาท แล้ว

คิดง่ายๆ เหมือนจะมีกำไร 5 บาท แต่มันอาจจะไม่ใช่กำไรที่แท้จริงเสมอไป ถ้าเรายังต้องมีค่าบริหารจัดการต่างๆ เช่น ค่าแพคเกจ ค่าขนส่ง ค่าจ้างแอดมิน ฯลฯ

สุดท้ายขายแทบตายไม่ได้กำไร แถมยังขาดทุนอีก

บทเรียนแบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไป เพราะตั้งราคาขายผิด ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้ง่ายๆ เลยล่ะ

2. โปรโมชั่นแต่ละประเภท ทำงานต่างกัน

ถ้าพูดในมุมมองนักบัญชี โปรโมชั่นแต่ละประเภทนั้น มีผลกระทบต่อตัวเลขในงบการเงินที่แตกต่างกัน ซึ่งก่อนตัดสินใจจัดโปรใดๆ อย่าลืมคิดเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้ให้ดีเสียก่อน

ยกตัวอย่างเช่น

– 1 แถม 1 หมายถึง ขายสินค้า 2 ชิ้นในราคา 1 ชิ้น เหมาะสำหรับคนอยากระบายของ (สินค้าในสต็อก) ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล กลัวสินค้าหมดอายุ หรือล้าสมัย ถ้าใครเลือกใช้วิธีนี้ต้องทำความเข้าใจว่าอย่าแถมของที่มีราคาแพงกว่าของที่ขายเด็ดขาด เพราะเราอาจมีปัญหากับสรรพากรได้ และทุกครั้งที่แถมอย่าลืมควบคุมสต็อกให้เป็นระบบด้วยเช่นกัน

– ลดไปเลยเมื่อขาย วิธีนี้เราเรียกว่า ส่วนลดการค้า หมายถึง การให้ส่วนลดแก่ลูกค้าหน้าร้านเมื่อขายสินค้าเลย ซึ่งไม่ยุ่งยากซับซ้อน แถมยังจูงใจให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้ากับเรามากขึ้นด้วย แต่ข้อควรระวังก็คือ อย่าลดเพลินเกินห้ามใจ จนกลายเป็นว่าเราขาดทุนนะจ๊ะ 

– ลดเมื่อจ่ายชำระ วิธีนี้เรียกว่า ส่วนลดเงินสด หมายถึง การให้ส่วนลดแก่ลูกค้าขายเชื่อ เมื่อลูกค้านำเงินมาชำระภายในเงื่อนไขที่กำหนด เหมาะสำหรับการกระตุ้นการจ่ายชำระของลูกค้าก่อนเวลา เพื่อเราจะได้เอาเงินมาหมุนในธุรกิจได้เร็วขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น 2/10, n/30 คือ เราจะให้ส่วนลด 2% ถ้าลูกค้าจ่ายชำระเงินภายใน 10 วัน (ก่อนกำหนด) ในขณะที่เครดิตเทอมจริงๆ เรามีอยู่ที่ 30 วัน

3. ต้นทุนแฝงนอกจากส่วนลดมีอะไรบ้าง

บางครั้งการให้ส่วนลดอาจมีต้นทุนแฝงอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น อยากให้คนรู้ว่ามีส่วนลดก็ต้องจ่ายเงินเพื่อโปรโมทโปรโมชั่นนี้ตามช่องทางอื่นๆ ด้วยซึ่งนี่ก็เป็นส่วนนึงของค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มเข้ามา

ฉะนั้น ถ้าอยากทำโปรโมชั่น เจ้าของธุรกิจจะต้องคิดให้รอบว่า โปรโมชั่นนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง ก่อนตัดสินใจประกาศออกไป

4. มีทีมงานรับมือกับโปรนี้ได้ไหม

นอกจากปัญหาเรื่องตัวเลขแล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องคิด คือ เรื่องกำลังคน

สมมติออกโปรแรงๆ ที่คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 100 เท่า อย่าลืมหันกลับมามองทีมงานในธุรกิจของเราเองด้วยว่าพวกเค้าสามารถรองรับยอดออเดอร์รัวๆ แบบนี้ได้ไหม

หากทำโปรเกินตัวทีมงานรับออเดอร์ไม่ไหว บางครั้งอาจส่งผลเสียถึงความเชื่อมั่นของลูกค้า เช่นว่า…

– ใช้ไม่ได้เลย ทุกทีสั่งวันนี้ได้ของพรุ่งนี้ แต่ทำไมคราวนี้สั่งไป 5 วันแล้วของไม่มา ช้าจริงๆ

– ส่งของผิด ไม่ได้ตามสเปคที่ซื้อไว้ เพราะออเดอร์มั่วสลับกับคนอื่น

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องต้องคิด สำหรับเจ้าของธุรกิจที่อยากแข่งขันในตลาดด้วยการทำโปรโมชั่นเรียกลูกค้า

จริงอยู่ที่ โปรโมชั่น เปรียบเสมือน คาถาเรียกเงิน ที่เราเสกได้เองในพริบตา

แต่ก่อนที่เงินจะมา เราจะต้องเสียอะไรไปบ้าง Zero to Profit ขอฝากไว้ให้เจ้าของธุรกิจคิดทบทวนเรื่องเหล่านี้ดีๆ นะคะ

ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ

Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y

ติดตาม Zero to Profit ได้ที่

Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/

Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit

ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บบล็อก Zero to Profit ที่อยากให้เรื่องบัญชีเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวสำหรับเจ้าของธุรกิจ