ถาม-ตอบ บัญชี 2 เล่ม ทำยังไง มันคุ้มจริงไหม

ถาม-ตอบ บัญชี 2 เล่ม ทำยังไง มันคุ้มจริงไหม

Q1: ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยว่า “บัญชี 2 เล่ม” มันคืออะไร?

A: จริงๆ การทำบัญชีไม่ว่าจะทำตามกฎหมายประเทศไทย เค้าจะมีนิยามสำหรับบัญชีเล่มเดียวเท่านั้น คือ ทำบัญชีตามข้อมูลการค้าที่เกิดขึ้นจริง ให้งบสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด

แต่คำว่า “บัญชีเล่มที่ 2” เนี่ย ถือกำเนิดขึ้นมายังไง ใครริเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คำว่าบัญชีเล่มที่ 2 มันคือ การทำบัญชีเล่มแรกตรงตามจริงเพื่อใช้บริหารงานภายใน ส่วนบัญชีเล่มที่ 2 ก็ทำไว้ส่งหน่วยงานราชการอย่าง กรมพัฒน์และกรมสรรพากรตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

ความแตกต่างของบัญชีเล่ม 1 กับ 2 มันอยู่ที่วัตถุประสงค์ คือ

  • บัญชีเล่ม 1 เราทำเพื่อการบริหารงานภายใน ก็น่าจะมุ่งให้มีข้อมูลตามจริง อยากมีกำไรเยอะๆ แน่นอนค่ะ
  • ส่วนบัญชีเล่ม 2 ถ้าเรามุ่งทำบัญชีเพื่อส่งกรมพัฒน์ สรรพากร อันนี้แน่นอนอยู่แล้วว่า เราไม่อยากจ่ายภาษีเงินได้เยอะๆ ก็เลยต้องทำให้กำไรต่ำๆ จะได้เสียภาษีต่อปีน้อยๆ (แต่สุดท้ายถามว่าข้อมูลถูกต้องตามความเป็นจริงมั้ย คำตอบก็คือ ไม่ถูกต้องแน่นอน)

Q2: มีคนทำจริงๆ ใช่ไหม บัญชี 2 เล่ม พอจะยกตัวอย่างให้ได้หรือเปล่า

A: มีเยอะเลย เพราะแรงจูงใจของเจ้าของธุรกิจ ไม่อยากเสียภาษีเยอะๆ อยู่แล้ว

สังเกตง่ายๆ ว่าใครเลี่ยงรายได้ คือ ทำรายได้ให้ต่ำๆ เพื่อส่งสรรพากร ถ้าเราเป็นลูกค้า

  • ไปซื้อของแล้วขอบิล เจ้าของร้านบอกว่า “เอา vat หรือไม่เอา vat นี่” อันนี้แน่นอนเลย เลี่ยงรายได้สรรพากรค่ะ
  • หรือ ถ้าจ่ายเงินค่าบริการ แล้วเราขอหัก ณ ที่จ่าย เค้าแบบอ้ำๆ อึ้งๆ บ่ายเบี่ยง ไม่ให้ข้อมูล อันนี้ก็แน่นอน ว่า เลี่ยงรายได้ เหมือนกันค่ะ คือ ถ้าทำถูกต้อง เราจ่ายเงิน หัก ณ ที่จ่าย เราต้องแจ้งสรรพากรใช่ไหม แต่ว่าถ้าเค้าไม่ยอมหัก แปลว่า เค้าไม่อยากให้เราแจ้งรายได้สรรพากรค่ะ
  • หรือ อีกตัวอย่างนึง ถ้าที่ร้านติดป้ายว่า รับเงินสดเท่านั้นห้ามโอน อันนี้ก็อาจจะ (แต่ไม่ทั้งหมด) เลี่ยงภาษีเช่นกัน เพราะการรับเงินสด มัน tracking ยากกว่าโอนเงิน
  • และที่ล่าสุด เจอก็จะเป็นร้านที่ตอนเสนอราคา ส่ง profile มาดีเลย ในนามบริษัท แต่พอรับเงินจริง บอกให้โอนไปบัญชีบุคคลธรรมดาซะงั้น อันนี้ก็น่าสงสัยว่าทำบัญชีเล่ม 2 อยู่เช่นกัน

Q3: แล้วส่วนค่าใช้จ่ายล่ะ เค้าทำกันยังไงบัญชีเล่มที่ 2

A: ขารายได้ แรงจูงใจในการทำบัญชีเล่ม 2 คือ พยายามลดให้เยอะๆ ส่วนขาค่าใช้จ่ายจะเป็นทิศทางตรงกันข้ามกัน คือ พยายามทำให้มีค่าใช้จ่ายมากๆ พอรายได้น้อย ค่าใช้จ่ายมาก กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีก็จะน้อยลง

ตัวอย่างกิจการที่ make ค่าใช้จ่ายให้มีมากๆ เช่น

  • ชอบขอบิลนามบริษัท ทั้งๆ ที่มาซื้อของส่วนตัวชัดๆ
  • ชอบเอาญาติ หรือคนอื่นมารับเงินจากบริษัท ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานจริง

Q4: แล้วอย่างงี้จะมีปัญหาตามมามั้ย ถ้าทำบัญชีสองเล่ม

A: ถ้าย้อนไปที่หลักการกันก่อน คือว่า การทำบัญชีมันมีแค่ทำให้ถูกต้องอย่างเดียว มันไม่เคยมี option ให้ทำเล่มที่ 2 อยู่แล้ว ฉะนั้น แปลว่า ถ้าเราเกิดมีเล่มที่ 2 ขึ้นมา ถามว่าผิดไหม ผิดแน่นอน

แล้วคำถามถัดมา คือ ผิดแล้วจะมีคนจับได้ไหม คำตอบคือ ถ้าเรารู้วิธีการโกงบัญชี ถามหน่อยว่าทำไมสรรพากรจะไม่รู้ เพียงแค่ว่า เค้าจะเจอเร็วหรือช้าก็แค่นั้นเองค่ะ

และที่สำคัญสรรพากรมีฐานข้อมูลที่เยอะกว่า ระบบตรวจจับที่ทันสมัยกว่าเรามาก นั่นก็แปลว่า เค้าน่าจะเก่งกว่าเราแน่นอน

Q5: ถ้าไม่สนใจเรื่องสรรพากรจับได้เมื่อไร มันมีปัญหาเรื่องอื่นตามมาอีกไหม

A: ผู้ประกอบการที่ทำบัญชี 2 เล่ม พวกเค้าจะเหนื่อยมาก เพราะ

  • ต้องบันทึกบัญชีเล่มที่ถูกต้องก่อน แล้วค่อยมาตกแต่งเล่มที่ 2 แปลว่า พวกเค้าทำงาน 2 ครั้ง
  • พอมีระบบ cross check ตรวจจับจากสรรพากร ก็หวาดระแวง ต้องคอยมานั่งเช็คว่า บิลนี้ต้องออก vat ส่งให้ลูกค้าไปยัง แล้วต้องมาควบคุมให้ได้ด้วยว่า ลูกค้าต้องโอนเงินเข้าบัญชี ที่เราต้องการเท่านั้นนะ แต่มันก็มีเคสที่ว่า ก็ลูกค้าเคยโอนเงินเข้าบริษัท แล้วบันทึกเลขบัญชีไว้ มาครั้งที่ 2 ก็เอาง่ายโอนเข้าบัญชีเดียวกัน อันนี้ซวยเลย เจ้าของกิจการจะต้องมาเสียเวลา แก้บิล ใหม่อีกที ถ้าใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่ บอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ
  • ถ้าสมมติตกแต่งบัญชีเล่มสอง ไว้กำไรต่ำๆ วันดีคืนดี อยากกู้เงินขยายธุรกิจ ปัจจุบันธนาคารเค้าดูข้อมูลงบที่เราส่งสรรพากร ทำให้ธนาคารเข้าใจผิดว่า เรามีกำไรน้อย ธุรกิจอาจไม่ดี สุดท้ายอาจกู้เงินไม่ผ่านก็ได้

Q6: อย่างงี้เราบอกธนาคารได้ไหม ว่าเรามีบัญชีจริงๆ อีกเล่ม ที่เรารายได้ดีมาก กำไรดีมาก

A: เมื่อก่อนเจ้าของธุรกิจก็ทำแบบนี้ คือ เอาบัญชีเล่ม 1 เล่มจริงไปให้ธนาคารดู ไม่งั้นก็ make ตัวเลขมาเพิ่มอีก เป็นบัญชีเล่ม 3 ให้มันดูดีสำหรับกู้เงินกับธนาคาร

แต่สุดท้ายแล้วทุกวันนี้ มีกฎหมายออกมาบอกว่า ธนาคารต้องใช้ข้อมูลจากงบการเงินที่บริษัทส่งกับหน่วยงานรัฐพิจารณาเงินกู้ ฉะนั้น พอธนาคารโดนกฎหมายบังคับ เจ้าของกิจการที่ทำบัญชี เล่ม 2 เล่ม 3 ก็จะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปนะคะ 

Q7: อย่างงี้ เราสรุปแบบนี้ได้มั้ยว่า ถ้าทำธุรกิจ อย่าเสียเวลาไปทำบัญชี 2 เล่มเลย ทำเล่มเดียวดีกว่า

A: ถูกต้องค่ะ ทุกวันนี้การทำบัญชี 2 เล่มมันไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ทั้งระบบตรวจจับจากสรรพากร การแจ้งข่าวจากบุคคลที่ 3 หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เรานอนไม่หลับ เพราะกังวลว่าเค้าจะส่งข้อมูลให้สรรพากรรึป่าว สู้เอาเวลาไปพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้น ทำให้รวยขึ้น น่าจะดีกว่า

ถ้าเมื่อไรก็ตามเรามีความคิดแว๊บมาในหัวว่า ทำบัญชี 2 เล่มดีไหม ให้นึกถึงคำพูดนี้ของโคนันไว้นะคะ ว่า “ความจริงมีเพียง 1 เดียวเท่านั้นค่ะ” อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จริงเลย เพราะถ้าไม่เจอสรรพากร คุณก็เจอโคนันจับได้อยู่ดี

ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ

Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y

ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่

Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/

Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit

ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บบล็อก Zero to Profit ที่อยากให้เรื่องบัญชีเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวสำหรับเจ้าของธุรกิจ