แน่นอนว่ากว่าผู้บริโภคจะยอมจ่ายเงินกับสิ่งใดสักสิ่งหนึ่ง ต้องมีการคิดก่อนซื้อกันอยู่แล้ว โดนจะเน้นไปที่ความคุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไป หากเป็นของที่ราคาสูง ยิ่งทำให้ต้องพิจารณามากขึ้นไปตามความเหมาะสม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้บริโภคแต่ละคนมีเกณฑ์การพิจารณาที่ต่างกัน แม้ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันก็ตาม
ในเรื่องของความคุ้มค่านั้น ผู้บริโภคมักจะคำนึงถึง 4 ข้อหลักๆต่อไปนี้
1.ราคา
ผู้บริโภคบางรายเน้นราคาเป็นที่ตั้งก่อนส่วนอื่นเสมอ หากมีราคาที่สมเหตุสมผลพวกเขาก็ยินดีที่จะจ่ายอย่างแน่นอน เพราะมองว่าเป็นราคาที่อยู่ในใจเหมาะสมกับที่คิดไว้ ในบางครั้งอาจจะมองข้ามเรื่องของคุณภาพไปเลยก็ได้
2.คุณภาพ
ในเรื่องของคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญอีกส่วนที่ทำให้ผู้บริโภคพิจารณาเลือกซื้อสินค้าของเรา หากคุณภาพดีแต่ราคาสูง ก่อเกิดผลทางกายและใจได้อย่างเต้มประสิทธิภาพ ผู้บริโภคยินดีจ่ายเสมอ เพราะเล็งเห็นว่ามีคุณค่าที่ควรแก่การซื้ออย่างยิ่งแล้ว แม้ว่าบางกรณีจะมีตัวเลือกอื่นๆให้พิจารณาก็ตาม แต่การแสดงถึงคุณค่าก็ต่างกันออกไปด้วย
3.ประสบการณ์ที่ดี
ผู้บริโภคมักจะซื้อสินค้าเพื่อมอบคุณค่าให้กับตนเองหรือคนรอบข้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เป็นคุณค่าทางกาย หรือทางใจก็ตาม เมื่อมีประสบการณ์กับการซื้อสินค้ามากมายแล้ว ยิ่งทำให้พยายามจะมองหาประสบการณ์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าในแบรนด์เดิมก็ตาม เน้นสิ่งที่แปลกใหม่ขึ้น ให้ประโยชน์ในแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน โดยที่ไม่ได้สนถึงราคา เพียงขอแค่สิ่งนั้นเป็นของที่คู่ควรกับตนเท่านั้น
4.ความเป็นตัวตน
ต้องคุ้มค่าในแง่ของการแสดงตัวตน ปัจจุบันกลุ่มคนเหล่านี้มีมากขึ้นตามกระแสต่างๆของโลกที่ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนตลอดเวลา ผู้บริโภคมักจะเลือกสินค้าที่คุ้มค่าต่อตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นเล็งเห็นว่า นี่แหละคือตัวตนของคนนั้นๆ
เหมาะกับการจ่ายเงินซื้อเพื่อมาเป็นของตนเอง เช่น ใช้กระเป๋าแบรนด์A เพราะเข้ากับบุคลิกและอาชีพที่ทำ หากจะซื้อกระเป๋าสักใบก็จะลงทุนซื้อแบรนด์นี้เพราะคุ้มค่าทั้งการใช้งาน และภาพลักษณ์ที่แสดงออกไป รวมถึงคาดหวังจะได้การตอบรับที่ดีจากคนรอบข้างด้วย
ติดตาม Zero to Profit ได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit