สินค้าล้นสต๊อก ไม่ใช่ปัญหาใหม่ของธุรกิจ แต่เป็นปัญหาที่ท้าทายสุดๆ ที่เจ้าของธุรกิจทั้งมือใหม่และเก่าต้องเผชิญ แน่นอนว่าการถือสินค้าไว้ในมือเยอะๆ แม้มันจะเป็นสินทรัพย์ (นำเงินกลับมาสู่กระเป๋าเมื่อไรก็ได้) แต่ต้องยอมรับว่า ธุรกิจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่ติดตามมาด้วยเช่นกันค่ะ
ถ้าวันนี้ใครกำลังเจอปัญหาสินค้าล้นมือแบบนี้ ลองมาทำความเข้าใจ เรียนรู้เทคนิคดีๆ ในการจัดการสินค้าส่วนเกินกับ Zero to Profit กัน
สินค้าล้นสต๊อกคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง?
สินค้าคงเหลือล้นสต๊อก หรือ Excess Stock หมายความว่า ธุรกิจมีจำนวนสินค้าคงเหลือเกินความต้องการหรือยอดขายที่คาดว่าจะขายได้ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่ดี การพยากรณ์การขายที่ไม่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด หรือการผลิตมากเกินไป
ถ้าเรามีสินค้ามากเกินไป นักบัญชีอาจเขม่น เพราะว่ามันส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และกำไรลดลงในงบการเงินค่ะ ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่เกิดจากสินค้ามากเวอร์ ได้แก่
1. ค่าพื้นที่
การมีสต๊อกในปริมาณที่มากย่อมหมายถึงค่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าเราจะเป็นเจ้าของคลังสินค้าเอง หรือไปเช่าพื้นที่เพื่อเก็บสินค้า ทุกๆ ตารางเมตรที่เราใช้ ย่อมมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่เสมอ ทั้งค่าไฟ ค่าระบบรักษาความปลอดภัย พนักงานคลังสินค้า และยิ่งถ้าเป็นสินค้าที่มีลักษณะพิเศษ เช่น ผลไม้แช่แข็งต้องเก็บที่เย็นพิเศษ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอย่างค่าห้องเย็น เป็นต้น
2. ค่าประกันภัย
ถ้าอยากคุ้มครองความเสี่ยงสินค้า ทั้งจากน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือโรงงานถล่ม ก็ต้องยอมจ่ายค่าประกันภัยสินค้าเหล่านี้ไว้ก่อน ซึ่งปัจจัยหลักที่กำหนดว่าเราต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยสินค้ามากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ถ้าหากมูลค่าสินค้าคงเหลือมีปริมาณสูงมาก แน่นอนว่าค่าเบี้ยประกันภัยก็ต้องสูงไปตามๆ กัน
3. ค่าทำบัญชีและการตรวจสอบ
รู้หรือไม่ว่าค่าบัญชี นักบัญชีมักคิดจากเวลาที่ใช้และความยากง่ายในการทำงานของพวกเค้า และยิ่งเจ้าของกิจการมีสต๊อกสินค้าคงเหลือจำนวนมากๆ นักบัญชีก็ยิ่งมีงานเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการทำบัญชีก็อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมไปถึงตอนปลายปีก็ต้องมีการตรวจสอบและนับสินค้าคงเหลือ ยิ่งถ้ามีสินค้าเก็บไว้ในหลายสถานที่ ก็เสียค่าใช้จ่ายและเวลาไม่ใช่น้อย
4. ขาดทุนจากสินค้าเสื่อมสภาพ
สินค้าค้างสต๊อก เมื่อเวลาผ่านไปอาจเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ ไม่สามารถขายให้ลูกค้าได้ หรือในบางครั้งต้องยอมตัดใจขายแบบขาดทุน คำว่าขาดทุนในที่นี้คำนวณจากสูตรนี้
ขาดทุนจากสินค้าเสื่อมสภาพ = ต้นทุนสินค้า – ราคาซากที่ขายได้
การขาดทุนจากสินค้าเสื่อมสภาพถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายเช่นกัน ยิ่งสินค้าบางชนิดเสื่อมสภาพมากๆ ขายราคาซากไม่ได้ นอกจากจะขาดทุนเต็มจำนวนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายในการจ้างทำลายสินค้าเพิ่มเติมอีกต่างหาก
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ รวมกับเงินที่ต้องจมในสต๊อกสินค้า ส่งผลให้กระแสเงินสดของกิจการลดลงด้วยโดยปริยาย (แหม่…นอกจากกำไรลด เงินสดยังขาดมืออีก แบบนี้ต้องตีให้ตายเลย) ภาษาชาวบ้านจึงเรียกว่า เงินจมในสินค้าที่แท้ทรู
เทคนิคจัดการสินค้าล้นคลัง ทำยังไงบ้าง?
1. วิเคราะห์สินค้าคงเหลือก่อน
ถ้าอยากจัดการสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์รายงานสินค้าคงเหลือ ณ ปัจจุบันเสียก่อน และตอบคำถามดังต่อไปนี้
- สินค้าไหนขายดี
- สินค้าไหนขายไม่ดี
- สินค้าไหนมีมากเกินไป
การวิเคราะห์สินค้าแบบนี้ จะช่วยบอกสาเหตุของสินค้าส่วนเกิน เพื่อวางแผนจัดการกับปัญหา
นอกจากนี้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ เราสามารถต่อยอดไปวางแผนเรื่องการจัดซื้อและระดับการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าล้นคลังในอนาคตได้ด้วย
2. ใช้ระบบการจัดการสินค้าคงคลัง
โปรแกรม หรือ ระบบที่ช่วยจัดการสินค้าคงเหลือนั้น มีหลากหลายรูปแบบ เช่น เครื่องสแกนบาร์โค้ด ซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลัง และระบบ RFID ไม่ว่าจะเลือกใช้ระบบไหน ระบบสินค้าที่ดีควรจะทำสิ่งนี้ให้ได้เป็นอย่างน้อย
- ช่วย Tracking จำนวนสินค้า
- แสดงรายงานสินค้าคงเหลือแบบ Real-time
โปรแกรมจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยทุ่นแรงในการเช็คระดับสินค้าคงคลัง คาดการณ์ความต้องการ และลดปัญหาสินค้าล้นสต๊อกได้จ้า
3. เสนอส่วนลด ทำโปรโมชั่น
อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยจัดการสินค้าส่วนเกิน คือ การเสนอส่วนลดและโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า เมื่อรู้ว่าสินค้ากำลังจะล้น และต้องแบกต้นทุนอันหนักอึ้ง การทำส่วนลดและโปรโมชั่นเป็นทางออกที่ดีในการระบายสินค้า และนอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้ เช่น ซื้อ 1 ฟรี 1, ซื้อเป็นชุดล้นเพิ่มขึ้น, ซื้อตอนนี้ฟรีค่าส่ง เป็นต้น
4. ขายสินค้าล้างสต๊อกราคาถูก
ถ้ามีสินค้าส่วนเกินจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ ให้ตัดใจซะ แล้วขายแบบลดล้างสต๊อกไปอาจจะดีกว่าเก็บสินค้าไว้ให้ช้ำใจเปล่าๆ เทคนิคนี้อาจทำให้เรากำไรลดลง (ถ้าอดีตขายจนถึงจุดคุ้มทุนแล้ว) หรืออาจทำให้ขาดทุน แต่เราต้องยอมเสียน้อยดีกว่าเสียมาก เพื่อรักษากิจการไว้ให้อยู่รอด
เทคนิค ลองถามคู่ค้ารายใหญ่ของเราก่อน เผื่อว่าพวกเค้าต้องการสินค้าแบบยกล๊อต แบบ B2B ถ้าเป็นเช่นนี้อาจช่วยลดความเจ็บปวดและประหยัดเวลาในการเร่ขายสินค้าได้ดีขึ้น
5. บริจาคให้องค์กรการกุศล
การบริจาคสินค้าส่วนเกิน (ที่ยังดีอยู่) ให้กับองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารอาหาร ที่พักอาศัย หรือโรงเรียน สามารถช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในขณะเดียวกันก็อาจทำให้เราได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการประชาสัมพันธ์เชิงบวกสำหรับธุรกิจได้อีกด้วย เสมือนเป็นกลยุทธ์กำจัดสินค้าแบบ win-win เลยทีเดียว
ป้องกันสินค้าล้นสต๊อกทำได้อย่างไรบ้าง
เมื่อผิดพลาดแล้วก็ต้องเรียนรู้จากอดีต ปัญหาสต๊อกสูงเกินไปจะไม่เกิดขึ้นถ้าเราทำ 2 สิ่งนี้
1. คาดการณ์ความต้องการสินค้าอย่างแม่นยำ
การคาดการณ์ความต้องการสินค้าที่แม่นยำเพียงพอ จะช่วยปรับระดับการผลิตและระดับสินค้าคงคลังให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงได้ค่ะ
มีวิธีการคาดการณ์ความต้องการสินค้าที่นิยมใช้ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด และการสำรวจลูกค้า เพื่อนๆสามารถประยุกต์ใช้วิธีการเหล่านี้ร่วมกันเพื่อแผนความต้องการสินค้าได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
2. ปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด
กลยุทธ์การขายและการตลาดที่ดีจะช่วยป้องกันไม่ให้มีสินค้าเหลือเยอะเกินไป เพราะลูกค้ามีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย หรือว่าทำการตลาดเฉพาะเจาะจงก็มีส่วนช่วยระบายสินค้าล้นคลังได้ทั้งนั้น
คำถามที่พบบ่อย
ถาม: สินค้าคงส่วนเกินคืออะไร?
ตอบ: สินค้าคงส่วนเกิน หมายถึง จำนวนสินค้าคงคลังที่เกินความต้องการหรือการจำนวนการขาดที่คาดการณ์ไว้
ถาม: เหตุใดสินค้าส่วนเกินจึงเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจ?
ตอบ: สินค้าคงส่วนเกิน นำไปสู่ต้นทุนการเก็บสินค้าที่เพิ่มขึ้น กระแสเงินสดลดลง อัตรากำไรลดลง สินค้าล้าสมัยและเน่าเสียเป็นค่าใช้จ่ายในธุรกิจ นอกจากนี้สินค้าส่วนเกินยังทำให้เสียพื้นที่จัดเก็บด้วย
ถาม: ธุรกิจจะจัดการสินค้าส่วนเกินได้อย่างไร
ตอบ: เริ่มต้นการวิเคราะห์สินค้าคงเหลือเสียก่อน, ใช้ระบบการจัดการสินค้า, เสนอส่วนลดและโปรโมชั่น, ขายยกล็อกสำหรับสินค้าส่วนเกิน, บริจาคให้กับองค์กรการกุศล, คาดการณ์ความต้องการอย่างแม่นยำ, และปรับปรุงกลยุทธ์การขายและการตลาด
สรุป
แม้ว่าปัญหาการจัดการสินค้าล้นสต๊อกจะไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาราคาแพงที่เจ้าของธุรกิจต้องตื่นตัว หาวิธีแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพราะนี่คือบททดสอบที่สำคัญสำหรับการบริหารธุรกิจทั้งในรูปแบบซื้อมา-ขายไป และธุรกิจผลิตสินค้า
ถ้าทำธุรกิจแล้วมีสต๊อก อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ติดตาม Zero to Profit ช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: https://facebook.com/ZerotoprofitTH/
Blockdit: https://www.blockdit.com/zerotoprofit